ส.อ.ท. แจ้งยอดผลิตรถยนต์ 2 เดือนของปีนี้ 362,666 คัน โต 5.29% เป็นรถยนต์นั่ง 147,850 คัน รถกระบะ 1 ตัน 210,052 คัน คิดเป็นสัดส่วน 40.77% และ 57.92% ตามลำดับ ส่วนรถจักรยานยนต์ผลิต 435,932 คัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 160,381 คัน และรถจักรยานยนต์ขายจำนวน 294,272 คัน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ เผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ภายในประเทศช่วง 2 เดือน (มกราคม – กุมภาพันธ์) ปี 2562 นี้ว่า มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 จำนวนทั้งสิ้น 362,666 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2561 คิดเป็นสัดส่วน 5.29% โดยแบ่งเป็นยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 มีจำนวน 147,850 คัน เท่ากับ 40.77% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.14% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2562 ผลิตทั้งสิ้น 210,052 คัน เท่ากับ 57.92% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.67% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุกจำนวน 54,307 คัน รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ 130,221 คัน และกระบะ PPV จำนวน 25,524 คัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 เมษายน 2562
Huawei เปิดตัวฮาร์ดแวร์ 5G ที่ใช้ในรถยนต์ครั้งแรกของโลก(ที่เซี่ยงไฮ้) เป็นการส่งสัญญาที่จะก้าวไปเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์หลักของรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ โดยเรียกว่า MH5000 module ซึ่งอยู่ในชิป Balong 5000 5G Huawei ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยี 5G นี้ร่วมกับหลายค่ายรถยนต์ รวมถึง FAW, Dongfeng และ Changan. ถึงแม้ Huawei จะพยายามเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำของ 5G ยุคใหม่ แต่ก็มีข้อแย้งจากอเมริกา ซึ่งอ้างว่าเทคโนโลยีของ Huawei นี้เป็นอุปกรณ์เพื่อการจารกรรม ซึ่ง Huawei ก็ได้มีการปฏิเสธมาตลอด
Huawei has in recent years been testing technology for intelligent connected cars in Chinese cities such as Shanghai, Shenzhen and Wuxi and has signed cooperation deals with a swathe of automakers including FAW, Dongfeng and Changan. The company, which is also the world's biggest telecoms equipment maker, is striving to lead the global race for next-generation 5G networks but has come under increasing scrutiny from Washington which alleges that its equipment could be used for espionage. Huawei has repeatedly denied the allegations
ที่มา : AUTONEWS EUROPEผู้บริหารของผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 1 ของสหรัฐฯกล่าวในการประชุมในวันพุธที่นิวยอร์กว่า แบรนด์ คาดิลแลค สุดหรูของเจนเนอรัลมอเตอร์สมีความประทับใจกับการเติบโตที่แข็งแกร่งในประเทศจีนพร้อมแผนเพิ่มศูนยจำหน่ายรถยนต์ใหม่หลายร้อยแห่ง Steve Carlisle ประธาน GM กล่าวว่าคาดิลแลคจะขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายไปยัง 500 เมืองในประเทศจีนภายในปี 2568 บริษัท จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุก ๆ 6 เดือนใน 3 ปีข้างหน้าในประเทศจีน คาร์ไลเซิลกล่าวในการประชุม Bank of America Merrill Lynch คาดิลแลคได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีเอ็มเพื่อท้าทายยอดขายเทสลาของคาดิลแลคของจีนเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 และแมรี่บาร์ราประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีเอ็มกล่าวว่า บริษัท ตั้งเป้าขาย 1 ล้าน EV ต่อปีภายในปี 2569 ซึ่งได้กำหนดโควต้าการผลิตที่เข้มงวดสำหรับยานพาหนะดังกล่าว
Cadillac plans more dealers in China
General Motors' luxury Cadillac brand is enjoying strong growth in China, prompting plans to add hundreds of new stores, executives with the No. 1 U.S. automaker said at a conference on Wednesday in New York.GM Cadillac President Steve Carlisle said that Cadillac would expand its network of dealers to 500 in China by 2025.The company will launch a new product every 6 months for the next 3 years in China, Carlisle said at a Bank of America Merrill Lynch conference.Cadillac has been designated GM's lead electric vehicle brand to challenge Tesla Inc.Cadillac’s China sales rose 17 percent in 2018, and GM Chief Executive Mary Barra has said that the company aims to sell 1 million EVs per year by 2026, many of them in China, which has set strict production quotas on such vehicles.
ที่มา : Automotive News China ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562
ประเทศจีนกำลังสร้างสถานที่แห่งแรกเพิ่ทดสอบรถยนต์อัตโนมัติบนถนนทางหลวงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าและสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง โฆษกของบริษัท Qilu Transportation Development Group Co. กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่ามีการเริ่มใช้ส่วนหนึ่งของทางหลวงที่มีอยู่สร้างพื้นที่ทดสอบในจังหวัดซานตงทางตะวันออก การก่อสร้างในพื้นที่ทดสอบความยาว 26 กิโลเมตรเริ่มขึ้นในวันที่ 12 เมษายน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกันยายน ผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมของจีนรวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆกำลังพยายามเพิ่มความสามามรถของรถยนต์อัตโนมัติ ระยะทางของทางหลวงที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ทดสอบนั้นมีอุโมงค์สามแห่งสะพานหนึ่งแห่งจุดเก็บค่าผ่านทางสามแห่งและเนินเขาหลายแห่ง Qilu กล่าว นอกจากนี้ บริษัท จะติดตั้งระบบ lidar, เซ็นเซอร์, อุปกรณ์ตรวจสอบสภาพอากาศและสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรถทดสอบถนนและผู้ใช้ ส่วนผู้ที่เคยใช้งานขับขี่บนถนนทางหลวงที่มีระยะทาง 26 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างเมือง Binzhou และ Laiwu ในมณฑลซานตงตะวันออกให้เดินทางด้วยเส้นทางอื่นแทน ทั้งนี้ยังไม่กล่าวถึงงบประมาณทางการเดินในการก่อสร้างสถานที่ทดสอบ อีกทั้งบริษัท Qilu กำลังทดสอบ "ทางหลวงอัจฉริยะ" ในเมืองทางตะวันออกของจี่หนานเช่นเดียวกับในมณฑลซานตง ซึ่งเป็นถนนที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้
China preps site to test AV tech on highways
China is building its first site to test autonomous vehicles under highway conditions amid a global shift toward technologically advanced and self-driving cars.State-backed Qilu Transportation Development Group Co. is using a section of an existing highway to create the test site in eastern Shandong province, a company spokesman said Thursday. Construction on the 26-kilometer-long testing site began April 12, and it is expected to start operating in September.Chinese carmakers and industry suppliers including component manufacturers are stepping up efforts to seize opportunities presented by the move toward self-driving capabilities.The stretch of highway being converted to a test site has three tunnels, one bridge, three toll-collecting points, and many slopes, Qilu said. In addition, the company will install lidar systems, sensors, weather-monitoring equipment, and intelligent traffic signs for data exchange between test vehicles, the road, and users.Drivers who formerly used the 26-kilometer (16-mile) section of highway linking the cities of Binzhou and Laiwu in eastern Shandong province will travel on an alternative route, the spokesman said. He declined to provide monetary details for the test site.Separately, Qilu is testing an “intelligent highway” in the eastern city of Jinan, also in Shandong province, that can generate electricity.
ที่มา : Automotive News China ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562แม้ชื่อของ Koenigsegg จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่ากับวอลโว่หรือซาบในฐานะที่เป็นแบรนด์รถยนต์ของสวีเดน แต่ถ้าเป็นโลกของซุปเปอร์คาร์แล้ว ชื่อนี้ไม่เป็นรองใครแน่นอน ขณะเดียวกันด้านความนิยมของเศรษฐีเท้าขวาหนักที่มีต่อซุปเปอร์คาร์แบรนด์นี้ก็ไม่ด้อยกว่าใคร เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าว นั่นคือ โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง Koenigsegg Jesko นั้นมียอดจองเต็มโควต้าแล้ว Jesko เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2019 เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาโดยเรียกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีของแบรนด์รถยนต์สัญชาติสวีดิชที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1994 มีรถสปอร์ตรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ในตอนแรกหลายคนคิดว่า มันจะเป็นผลผลิตใหม่ แต่สุดท้ายแล้วจากการที่ Agera เปิดตัวรุ่น The final ออกมาขายเมื่อปี 2018 ทำให้เดากันไม่ยากว่า Jesko คือ ตัวตายตัวแทนนั้นเอง เพราะ Agera เองก็เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ส่วนชื่อรุ่นก็มาจากชื่อของคุณปู่ผู้ก่อตั้งบริษัท นั่นคือ Jesko von Koenigsegg สำหรับรายละเอียดตัวรถ งานนี้ Koenigsegg ยังเติมอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของงแบรนด์เข้าไปอย่างครบถ้วนเหมือนเคย ทั้งการออกแบบในรูปลักษณ์ที่มีเส้นสายโค้งมนและตัวถังด้านหน้าเทลงด้านล่างพร้อมไฟหน้าที่ถูกวางอยู่บนซุ้มล้อหน้า รวมถึงประตูเปิดในแบบหมุน และตั้งฉากกับพื้นถนน หรือที่เรียกว่า Dihedral Door โดยรวมแล้วงานดีไซน์ทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ก่อตั้งอย่าง Christian von Koenogsegg กับ Joachim Nordwall ซึ่งตัวรถมาในสไตล์สปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำ และขับเคลื่อนล้อหลัง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 เมษายน 2562
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 23 เมษายน 2562
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2562
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2561 มาสด้าประบความสำเร็จด้านการดำเนินธุรกิจของมาสด้าปีงบประมาณ 2018 มียอดขายสูงถึง 70,468 คัน เติบโต 25% จากปีงบประมาณ 2017 อยู่ที่ 56,379 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 6.6% สูงสุดเป็นอันดับสองรองจากออสเตรเลีย วันนี้มาสด้าประเทศไทย ถูกจับตามองจากตลาดทั่วโลกเนื่องจากอัตราการเติบโตสูงสุดในโลกสองปีติดต่อกัน ที่สำคัญปริมาณยอดขายเกิน 70,000 คัน ส่งผลให้ มาสด้า ประเทศไทย ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 ของมาสด้าทั่วโลก ส่วนปี 2019 มาสด้าตั้งเป้าไว้ที่ 75,00 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% นายชาญชัยกล่าวว่า รถยนต์นั่งมาสด้า 2 ยังคงเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนหลัก ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุด มียอดขายสูงถึง 48,119 คัน เพิ่มขึ้น 36% ครองเบอร์หนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก 11 เดือนติดต่อกัน ขณะที่รถปิกอัพ มาสด้า บีที 50 โปร เริ่มกลับมาได้รับคามนิยมอีกครั้งหลังจากปล่อยรุ่นพิเศษ มาสด้า บีที 50 โปร ธันเดอร์ ออกสู่ตลาด ด้วยยอดขายสูงถึง 7,500 คัน เติบโต 29% รวมทั้งรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า CX-5 มียอดขาย 6,834 คัน เพิ่มขึ้น 7% ตามมาด้วยรถเก๋งคอมแพกคาร์มาสด้า 3 มียอดขาย 4,852 คัน ส่วรนฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ มาสด้า CX-3 ทำยอดขายได้ 3,132 คันและรถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่เปิด – ปิดเร็วที่สุดในโลก มาสด้า MX-5 มียอดขาย 31 คัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562
นิสสัน เดินหน้าสร้างการรับรู้ให้รถพลังงานไฟฟ้า “อีวี” และข้อดีของการซื้อ “ลีฟ” มาใช้งาน ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ สมถรรนะ ต้นทุนต่อหน่วยงานวิ่งต่ำรวมถึงการนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมล่าสุดเผยผลวิจัยมลพิษทางเสียงจากการจราจร พบว่าเมืองใหญ่ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ มีระดับเสียงรบกวนสูงกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า มลพิษทางเสียงการจราจรกลายเป็นภัยคุกคามอันดับททื่ 2 ต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนนิสสันเอเชียและโอเชียเนียได้เผยแพร่ผลศึกษามลพิษทางเสียงที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึง ซึ่งการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้นนี้ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) การได้รับมลพิษทางเสียงในระยะยาว จากการจราจรที่สูงกว่า 53 เดซิเบล (dB) อาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเช่น โรค ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ การสูญเสียการได้ยิน หรือแม้กระทั่งภาวะหัวใจวาย ซึ่งระดับเสียงรบกวนที่เกิดขึ้น ทั่วทั้งเอเชียและเมืองใหญ่ของโคเอเชียอย่างกรุงเทพฯ,โฮจิมินห์ซิตี้,จาการ์ตา,ฮ่องกง,มะนิลา,เมลเบิร์น,สิงคโปร์ และโซล โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 76 เดซิเบลหรือเกือบ 4 เท่าของระดับเสียงที่เหมาะสม เสียงที่รบกวนเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในเมืองเมื่อเวลาผ่านไปและเทียบเท่ากับเสียงนาฬิกาปลุกเสียงเรียกเข้า (ประมาณ 80 เดซิเบล) ในทางกลับกันระดับมลพิษทางเสียงที่ลดลงจะสามารถลดความรู้สึกหงุดหงิดบนท้องถนน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการรับรู้ และให้ผลดีหลายด้านเพิ่มมากขึ้น นิสสันวัดและเปรียบเทียบเสียงของถนนทั่วเมืองทั่วไป กับถนนที่มีระดับเสียงจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยใช้เครื่องวัดระดับเสียง ผลลัพธ์แสดงระดับเสียงรบกวนบนท้องถนนทั่วไปสูงสุดที่ 90 เดซิเบลเมื่อเทียบกับเสียงที่เกิดจากรถยนต์ไฟฟ้า อย่างนิสสัน ลีฟ เกิดเสียงดังเพียง 21 เดซิเบลหรือมีความเงียบกว่าห้องสมุด (ประมาณ 30 เดซิเบล) และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของเสียงที่มาจากเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล ที่ประมาณ 76 เดซิเบลรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดมลพิษเสียงจากจราจรได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2562