สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

           บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงานกว่า 14,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานทั้งหมด พร้อมกับระงับการผลิตในโรงงาน 5 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือทั้งในแคนาดาและสหรัฐ และยังจะปิดโรงงานผลิตรถนอกทวีปอเมริกาเหนืออีก 3 แห่งภายในสิ้นปี 2562 ซึ่งแห่งหนึ่งอยู่ในเกาหลีใต้ ส่วนอีก 2 แห่งบริษัทยังไม่เปิดเผยราย ละเอียด     การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปภายใต้แผนปฏิรูปองค์กรเพื่อให้สามารถรับมือกับเงื่อนไขทางการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมกับปัจจัยด้านกำแพงภาษีที่ประกาศใช้ใหม่ซึ่งทำให้รายจ่ายของเหล็กนำเข้ามีราคาสูงขึ้นถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 33,000 ล้านบาท จีเอ็มระบุว่า แผนการดังกล่าวจะช่วยลดรายจ่ายโดยรวมได้ถึง 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 198,000 กีฬา-ต่างประเทศล้านบาท โดยบริษัทจะหันไปให้ความสำคัญกับการผลิตรถบรรทุก รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งน่าจะเป็นอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ยุคต่อไปแทน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561

 

         China’s light-vehicle imports likely will drop by more than 5 percent in 2019 if the economy keeps losing steam and the country’s trade disputes with the United States continue, China’s largest dealer of imported cars and light trucks warned.  The dealer, Sinomach Automobile Co., disclosed the forecast at a forum organized in Beijing Saturday.  In the first nine months of the year, about 847,000 vehicles were imported into China, a decline of 4.2 percent from the same period last year, according to Sinomach. Roughly 622,000 imported vehicles were delivered to customers during the period while the rest were stockpiled at dealerships.   On July 1, the Chinese government slashed tariffs on light-vehicle imports to 15 percent from 25 percent.  But on July 6, it raised the tariffs for vehicles imported from the U.S. to 40 percent to retaliate against punitive tariffs the Trump administration slapped on a sweeping range of Chinese goods.
ที่มา : www.autonews.com วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561

 

               ประเทศไทยในฐานะผู้ผลิตรถยนต์หลักของภูมิภาคจะมีบทบาทอย่างไรในห่วงโซ่การผลิตรถยนต์อนาคตของโลก ย่อมขึ้นอยู่กับนโยบาย บริษัทแม่เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ไทยทั้งหมดเป็นบริษัทในเครือ ของผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติ นโยบายบริษัทแม่จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือก ที่ตั้งโรงงานผลิตรถยนต์อนาคตและชิ้นส่วน     การวางแผนลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์จำเป็นต้องคำนึงถึง ห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนรถยนต์ ประเทศที่มีการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศสูง ทั้งชิ้นส่วนรถยนต์และชิ้นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ จะมีความได้เปรียบ ทางการแข่งขัน ช่วยลดต้นทุนการขนส่งและเพิ่มความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบ อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยในปัจจุบันใช้ชิ้นส่วนประเทศระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับภูมิภาค การเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจึงเป็น ความท้าทายในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อนาคตของภูมิภาค
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561
 

 

 

 

          เจโทรดึงเอกชน 44 ราย ร่วมงานเมทัลเล็กซ์จับคู่ธุรกิจในไทย เชื่ออีอีซี กระตุ้นภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรคึกคักจับคู่ธุรกิจในไทย เชื่ออีอีซีกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรคึกคัก นายเคนจิ ยามากุจิ ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เจโทรได้นำผู้ประกอบการญี่ปุ่นที่เน้นเอสเอ็มอีของญี่ปุ่น ในกลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรมการผลิต เครื่องจักรขึ้นรูปโลหะ ชิ้นส่วนยานยนต์แห่งอนาคต เทคโนโลยีอัตโนมัติในโรงงานจำนวน 44 ราย มาร่วมงานเมทัล เล็กซ์ (Metalex2018) ในประเทศไทย ซึ่งเอสเอ็มอีของญี่ปุ่นต่างมีความสนใจขยายธุรกิจและเข้ามาศึกษาตลาดในประเทศไทย        ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการญี่ปุ่นต่างรับรู้นโยบายประเทศไทย 4.0 และการจัดทำเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รวมถึงให้ความสนใจในนโยบายดังกล่าวของประเทศไทย พร้อมประเมินโอกาสที่จะสามารถขยายตลาดกลุ่มสินค้าเครื่องจักรดังกล่าวได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและคนเกิดใหม่น้อยลง จึงมีความต้องการใช้เครื่องจักรอัตโนมัติและระบบหุ่นยนต์ของไทยสูงมากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ ทูเดย์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561

 

       เวียดนามนำเข้ารถยนต์ 11,172 คัน เพิ่มขึ้น 5,142 คัน หรือ 85.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และนำเข้ารถยนต์ไม่เกิน 9 ที่นั่ง ส่วนใหญ่จากอาเซียน คิดเป็น 93.5% ของการนำเข้ารถยนต์ทั้งหมด โดยมากกว่า 51% นำเข้าผ่านท่าเรือในนครโฮจิมินห์ และได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีนำเข้าตามความตกลงการค้าเสรีของอาเซียน (ATIGA)    ทั้งนี้ กรมศุลกากรเวียดนามประกาศว่าชิ้นส่วน อุปกรณ์ และส่วนประกอบรถยนต์ที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์คัสซี (Chassis) และเทคโนโลยีพิเศษที่ ไม่สามารถผลิตในเวียดนามได้ เว้นแต่ ผู้ผลิตลงทุนในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ในเวียดนาม โดยบริษัท โตโยต้า ฟอร์ด และนิสสัน นำเข้าสายไฟฟ้าและเหล็กจากไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อผลิตรถยนต์ในเวียดนาม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ ทูเดย์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2561

'

 

           สศอ.เดินหน้าเจรจาค่ายรถ พร้อมศึกษาแผนสนับสนุน "อีโคอีวี"มั่นใจเคาะภายในสิ้นปีนี้ ด้าน "มาสด้า"รับลูก เผยเป็นแนวทางที่ดีน่าสนใจเพราะเซ็กเมนต์อีโคคาร์มีขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้ผลิตบางรายชี้นโยบายเปลี่ยนเร็ว ปรับตัวไม่ทัน   หลังจากกระทรวงอุตสาหกรรมได้มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อผลักดันให้โครง การยานยนต์ไฟฟ้าเกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น และมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เพื่อไปศึกษาและหาแนวทางซึ่งเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าจะสนับสนุนอีโคอีวีเนื่องจากปัจจุบันรถอีโคคาร์มีสัดส่วนกว่า54%ในกลุ่มรถยนต์นั่งและยังเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่2ของไทยรองลงมาจากรถปิกอัพ นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)ได้เปิดเผยว่าความคืบหน้าของอีโคอีวีในตอนนี้ อยู่ในระหว่างการพูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องว่าจะนำเสนอเงื่อนไขออกมาอย่างไร โดยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกมาเป็นแพ็กเกจใหม่ หรือว่าจะต้องมีการขอรับการส่งเสริมเพิ่มเติมจากทางบีโอไอ อย่างไรก็ดีคาดว่าแนวทางต่างๆจะต้องได้ข้อสรุปและแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ที่มา :  หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561

 

     นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า สอท.ได้ปรับเป้าหมายการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 20,000 คัน มาอยู่ที่ 1 ล้านคัน หรือจากเดิมคาดอยู่ที่ 980,000 คันเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.96% ที่ผลิตได้ 862,391คันส่งผลให้ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.1 ล้านคันจากเดิมคาดอยู่ที่ 2.08 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.59% ที่ผลิตได้ 1.98 ล้านคัน  “เนื่องจากจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่จากค่ายรถยนต์ต่างๆ การลงทุนของภาครัฐเร่งตัวขึ้น การลงทุนของเอกชนปรับตัวดีขึ้น ผลผลิตและราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น การพักหนี้เกษตรกร การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลที่ส่งเสริมการค้าส่งและค้าปลีกเติบโตขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังคงมีมาก”นายสุรพงษ์กล่าว  ทั้งนี้ยอดผลิตรถยนต์เดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีจำนวน 197,203 คัน สูงสุดในรอบ 63 เดือน นับตั้งแต่ปี 2555 ที่รัฐบาลมีนโยบายรถยนต์คันแรก ทำให้มียอดผลิตสูงถึง 2.4 ล้านคัน หรือเฉลี่ย 2 แสนคันต่อเดือน ใกล้เคียงกับปัจจุบันเฉลี่ย 1.8 แสนคันต่อเดือน โดยเป็นผลจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลักสามารถผลิตได้ 99,942 คัน เพิ่มขึ้น  จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36.26%คิดเป็นสัดส่วน 50.68% ของยอดการผลิตทั้งหมด

ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561

 

     German battery maker Varta has sealed a research agreement to lay the groundwork for mass production of lithium ion battery cells for electric cars as it seeks to take on Asian leaders in the sector. Varta, which currently specializes in batteries for hearing aids and large storage systems for solar energy, has agreed a cooperation deal with Germany's Fraunhofer Institute, a scientific research body, the two parties said on Monday. The German government has earmarked 1 billion euros ($1.1 billion) to support domestic companies looking to produce battery cells for EVs as a way to reduce German automakers' dependence on Asian suppliers and protect jobs at risk from the shift away from combustion engines. With the research project, Varta wants to gain technical advantages in battery cell production over Asian manufacturers and is in intensive discussions with relevant market players to broaden its product line, Varta CEO Herbert Schein told reporters in Stuttgart.

ที่มา : www.autonews.com วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561

 

          บีโอไอเผยยอดขอส่งเสริม 9 เดือน3.77 แสนล้านบาท ยอดลงทุนในอีอีซีโต 117% จากปีก่อน ยังมั่นใจทั้งปีทำได้ตามเป้า 7.2 แสนล้านบาท อัดมาตรการจูงใจออกมาเพียบ ดูดยอดคำขอรับส่งเสริมก่อนสิ้นปี   นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยผลประชุมบอร์ดบีโอไอ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่าภาพรวมการลงทุนในช่วง 9เดือนที่ผ่านมาของปี 2561 (ม.ค.-ก.ย.) มีโครงการยื่นขอส่งเสริมการลงทุนรวม 1,125 โครงการ เงินลงทุนทั้งหมด 377,054 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% ที่ทำได้ 1,021 โครงการ เงินลงทุนอยู่ที่ 373,908 ล้านบาท ซึ่งยังยืนยันว่ายอดการส่งเสริมการลงทุนทั้งปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 720,000 ล้านบาทซึ่งอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูงสุดได้แก่ ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองลงมาคือยานยนต์และชิ้นส่วน การท่องเที่ยว การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และกลุ่มดิจิทัล สำหรับการยื่นขอส่งเสริมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งโครงการและมูลค่าการลงทุน ซึ่งสามารถทำได้ 288 โครงการ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13% ที่มี 255 โครงการ และมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 230,554 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 117% ที่ทำได้ 106,126 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์  ไทยโพสต์ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2561

 

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th