สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

รายงานข่าวจาก สตุ๊ทการ์ท เยอรมนี แจ้งว่า ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) เปิดเผยตัวเลขยอดส่งมอบปอร์เช่ทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 (มกราคม-มิถุนายน) จำนวน 133,484 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2018 ปอร์เช่ คาเยนน์ (Porsche Cayenne) มียอดส่งออก 41,725 คัน นับเป็นรถยนต์รุ่นที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด เพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์ หลังจากเปิดตัวและทำตลาดอย่างเป็นทางการในทุกภูมิภาคทั่วโลกตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จามติดด้วยกรเปิดตัวเวอร์ชั่นคูเป้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตามติดด้วยการเปิดตัวเวอร์ชั่นคูเป้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สำหรับปอร์เช่ มาคัน (Porsche Macan) ยังคงเป็นรุ่นรถยนต์ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดโลก มียอดส่งออกกว่า 47,367 คัน ในครึ่งแรกของปี 2019 ในส่วนของทวีปยุโรป คาดว่าผลประกอบการจะยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับเปลี่ยน ขั้นตอนการทดสอบ WLTP และบังคับใช้ แก๊สโซลีน พาร์ทิคิวเลท ฟิลเตอร์ ในไจรมาสที่ 2 ผลลัพธ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น เมื่อพิจารณาถึงอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นในตลาดหลักที่สำคัญที่สุดทั้ง 2 แห่งของเรา นั่นคือประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา สิ่งที่น่ายินดียิ่งกว่า คือ ยอดจำหน่ายสวนทางกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในทั้ง 2 ประเทศที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และในปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ให้ความสนใจในรถสปอร์ต 2 ประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน” เตทเลฟ วอน พลาเทน สมาชิกคณะกรรมการบริหาร ผู้กำกับดูแลส่วนงานขายและการตลาด ปอร์เซ่ เอจี กล่าว อัตราการเติบโตในภูมิภาค เอเชีย และอเมริกาเหนือ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

รายงานข่าวจากเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม ประเทศไทย แจ้งว่า จีเอ็มประกาศแต่งตั้งนายเฮกเตอร์ บีจาเรียล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ จีเอ็ม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผลทันที นายเฮกเตอร์จะประจำอยู่ที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เพื่อเข้ามาบริหารดูแลตลาดที่มีความสำคัญนี้ หลังจากนายเอียน นิโคลส์ ตัดสินใจเกษียณอายุหลังจากทำงานให้กับจีเอ็มมาเป็นเวลา 27 ปี ก่อนหน้าจะมารับตำแหน่งประธานกรรมการ จีเอ็ม เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ นายเฮกเดอร์ ดำรงตำแหน่งกรรมการ จีเอ็ม เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นายเฮกเดอร์ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม รัสเซีย ในบทบาทใหม่ที่เขาจะมุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจและความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เซฟโรเลตในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเน้นกลยุทธ์การทำการตลาดรถกระบะและรถอเนกประสงค์ของเซฟโรเลต อาทิ รถกระบะโคโลราโดและรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ รวมถึงการเปิดตัวรถอเนกประสงค์ แคปติวา รุ่นใหม่ประเทศไทย “นายเฮกเตอร์จะนำความรู้และความเชี่ยวชาญทางการค้าและการพานิชย์มาบริหาร จีเอ็ม ตะวันออกเฉียงใต้ เขาได้สั่งสมประสบการณ์จากการบริหารธุรกิจ และหน่วยงานต่างๆ ภายในจีเอ็มในหลายตลาด ได้แก่ เม็กซิโก เกาหลี อุซเบกิสถาน และรัสเซีย เขามีความเข้าใจในธุรกิจของเราอย่างถ่องแท้ และประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งกับฝ่ายต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ผู้แทนจำหน่าย และผู้จัดจำหน่ายของเรา แอนดี้ ดันสแตน ประธานกรรมการและกรรมการเชิงกลยุทธ์ พันธมิตรและผู้แทนจำหน่าย กล่าว นายเฮกเตอร์ เริ่มต้นการทำงานกับจีเอ็มในตำแหน่งวิศวกรโครงการฝ่ายผลิตที่ศูนย์การผลิตรามอส อาริสเพในแม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา รวมถึงการเป็นผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมอุตนสาหการและผู้อำนวยการกลุ่มรถยนต์ และยังเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและจัดการโครงสร้างที่จีเอ็ม เม็กซิโก ในปี 2555 นายเฮกเตอร์ร่วมงานกับจีเอ็ม เกาหลี ในตำแหน่งรองประธานกรรมการ ฝ่ายวางแผนและจัดการโครงสร้างก่อนในปี 2558 เข้ารับตำแหน่งประธานกรรมากรและกรรมการผู้จัดการ จีเอ็มโอเปอร์เรชั่น อถซเบกิสถาน ต่อมาในปี 2560 นายเฮกเตอร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ จีเอ็ม รัสเซีย นายเฮกเตอร์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมเครื่องกลจากสถาบันเทคโนโลยีมอนเทอเรย์ (Instituto Tecnologico yde Estudios Superiores de Monterrey) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท คณะวิศวกรรมอุตสาหการจากสถาบันเดียวกัน เขาสมรสแล้วและมีบุตรธิดา 3 คน

ทีมา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

บลูมเบิร์ก – บริษัท วอลโว่ คาร์ส กำลังเรียกรถยนต์คืนทั่วโลกกว่า 507,000 คัน เนื่องจากท่อเครื่องยนต์พลาสติกอาจละลายและเสียรูปได้ ซึ่งในกรณีรุนแรงที่สุดอาจส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้ได้ โฆษกของบริษัทไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินจากการเรียกรถคืน แต่จะแก้ไขรถยนต์ที่บกพร่องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับรถยนต์ที่จะเรียกคืนได้แก่รถยนต์ที่ผลิตในระหว่างปี ค.ศ. 2014 2019 ที่มีเครื่องยนต์ดีเซล 2000 ซีซี สี่กระบอกสูบ ซึ่งได้แก่รุ่น S60, S80, S90, V40, V60, V70, V90, XC60, และ XC90 ในขณะนี้วอลโว่ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ แต่ลูกค้าจะได้รับหนังสือให้ไปติดต่อบริษัทวอลโว่ในท้องถิ่น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

Beijing has rolled out the most generous subsidy program among domestic cities to encourage use of full-electric vehicles as taxis. Under the program, Chinas capital will offer up to 73,800 yuan ($10,727) per vehicle if a taxi operator buys EVs to replace gasoline vehicles that have been scrapped since 2018 or will be scrapped by 2020, the Beijing city government said on its website. Eligible EVs must have a minimum range of 300 kilometers (186 miles) and their manufacturers must provide a warranty of eight years or mileage of 600,000 km for EV batteries.The subsidy program, which took effect July 16, will remain through 2020.Beijing, with nearly 22 million residents, is Chinas second most populous city, after Shanghai. The city has roughly 67,000 taxis, according to the local government

รัฐบาลปักกิ่งเสนอเงินสนับสนุนเพื่อเปลี่ยนรถแท็กซี่ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า

รัฐบาลปักกิ่งจะเสนอเงินสนับสนุนมูลค่า 73,800 หยวน (ประมาณ 330,000 บาท) สำหรับเจ้าของรถแท็กซี่ที่มีกำหนดต้องเปลี่ยนรถใหม่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 2020 โดยมีข้อแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่จะได้รับการอุดหนุนจะต้องมีระยะทางวิ่งได้ 300 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง และมีการรับประกับแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 600,000 กิโลเมตร โดยการอุดหนุนดังกล่าวได้เริ่มในวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

Volvo is recalling 507,000 vehicles worldwide because of a faulty engine component that, in extreme cases, could result in a fire.Volvo said its own investigations have identified that “in very rare cases the plastic engine intake manifold may melt and deform.”The cars being recalled were produced between 2014 and 2019 and have a 2.0-liter, four-cylinder diesel engine, Volvo said.The affected models are the S60, S80, S90, V40, V60, V70, V90, XC60 and XC90.While the company has no reports of accidents or personal injuries, all customers will receive a letter asking them to contact their local retailer for corrective action."In the very worst case, there is a possibility that a localized engine bay fire may occur," Volvo said.When asked to provide details of the potential financial impact, Stefan Elfstrom, a spokesman for the automaker, said, "We don't comment on the cost."The company is keen to fix the faulty vehicles as fast as possible and customers will not incur any costs related to addressing the error, he said

วอลโว่เรียกคืนรถยนต์กว่า 507,000 คันทั่วโลก หลังจากสอบสวนพบความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไฟไหม้

วอลโว่ (Volvo) เรียกคืนรถยนต์ 507,000 คันทั่วโลก เนื่องจากความผิดพลาดในส่วนประกอบของเครื่องยนต์ ซึ่งในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดอาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ วอลโว่กล่าวว่าในการสอบสวนของทางบริษัทสามารถระบุได้ว่า “เป็นเหตุที่พบได้ยากในกรณีที่พลาสติกของเครื่องยนต์ท่อไอดีอาจเกิดการละลายและผิดรูป”โดยรถยนต์ที่ถูกเรียกคืนคือรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นในระหว่างปี 2014 ถึง 2019 ขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เครื่องยนต์ดีเซล 4 กระบอกสูบ ซึ่งรุ่นที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ S60, S80, S90, V40, V60, V70, V90, XC60, และ XC90 ในขณะที่ทางบริษัทยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ หรือ การบาดเจ็บส่วนบุคคล โดยลูกค้าจะได้รับจดหมายสอบถามถึงการติดต่อกับศูนย์วอลโว่ในพื้นที่สำหรับการดำเนินการแก้ไข ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดไฟไหม้ที่ห้องเครื่อง ซึ่งเมื่อถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น สเตฟาน เอลฟ์สตอร์ม (Stefan Elfstorm) โฆษกของวอลโว่กล่าวว่า “เราขอไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่าย” โดยบริษัทมีความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของรถยนต์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และลูกค้าไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาดนี้

ที่มา: Automotive News Europe ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2562

อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหราชอาณาจักรมองเห็นการหักเลี้ยวจากอุปสรรคจากการแยกตัวของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นตัวเร่งสู่การเกิดกระแสไฟฟ้าเช่นเดียวกับการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการสร้างมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนโยบายสีเขียวจากรัฐบาล โดยรถยนต์ 4 แบรนด์ชั้นนำที่มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร แต่ปัจจุบันมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ อย่างเช่นแบรนด์ Bently  and Mini และ Indian-blacked Jaguar ที่มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน และแบรนด์ Lotus ที่มีเจ้าของเป็นชาวจน ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีแนวทางในการสร้างโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าไปควบคู่กับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างมลพิษทางอากาศที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายในผู้ผลิตรถสปอร์ตคาร์ แบรนด์ Evija ซึ่งเป็นไฟฟ้าทั้งคันได้ให้ความเห็นว่า “พลังงานไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในเวลาอีกไม่นาน รถยนต์ทั้งหมดของเราจะเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้า” โดยการยกเลิกใช้ส่วนประกอบใหญ่ๆเช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน และกล่องเกียร์ จะทำให้รถยนต์ของ Evija ถูกเรียกว่าเป็นรถยนต์ Hyper car ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแต่ละล้อ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 23 กรกฎาคม 2562

อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหราชอาณาจักรมองเห็นการหักเลี้ยวจากอุปสรรคจากการแยกตัวของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นตัวเร่งสู่การเกิดกระแสไฟฟ้าเช่นเดียวกับการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการสร้างมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนโยบายสีเขียวจากรัฐบาล โดยรถยนต์ 4 แบรนด์ชั้นนำที่มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร แต่ปัจจุบันมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ อย่างเช่นแบรนด์ Bently  and Mini และ Indian-blacked Jaguar ที่มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน และแบรนด์ Lotus ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีน ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีแนวทางในการสร้างโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าไปควบคู่กับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างมลพิษทางอากาศที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายในผู้ผลิตรถสปอร์ตคาร์ แบรนด์ Evija ซึ่งเป็นไฟฟ้าทั้งคันได้ให้ความเห็นว่า “พลังงานไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในเวลาอีกไม่นาน รถยนต์ทั้งหมดของเราจะเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้า” โดยการยกเลิกใช้ส่วนประกอบใหญ่ๆเช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน และกล่องเกียร์ จะทำให้รถยนต์ของ Evija ถูกเรียกว่าเป็นรถยนต์ Hyper car ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแต่ละล้อ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 23 กรกฎาคม 2562

เป็นเวลากว่า2ปีที่รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนสำหรับการผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าภายในประเทศ โดยโครงการดังกล่าวได้สร้างกว่า 20-30 แอพพลิเคชั่นการลงทุน ซึ่งครอบคลุมไปถึงการประกอบรถยนต์, การผลิตชิ้นส่วนสำคัญ, และ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ได้ขยายแรงจูงใจในการลงทุนสำหรับผู้ร่วมลงทุน โดยจะพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในรถยนต์ Plug-in hybrid EV, รถยนต์แบตเตอรี่ EV, รถบัสไฟฟ้า, และชิ้นส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท รวมถึงโครงการสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเลขาธิการ BOI กล่าวว่า ทางสมาคมได้อนุมัติ9โครงการที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5,100ล้านบาทสำหรับการประกอบรถยนต์ ประกอบด้วย โครงการเกี่ยวกับรถยนต์ hybrid EV 4 โครงการ เกี่ยวกับรถยนต์ Plug-in hybrid EV 4 โครงการ และโครงการแบตเตอรี่ EV 1 โครงการ Toyota และ Honda ได้ทำการเริ่มผลิตไปแล้วในไทย สำหรับโครงการ hybrid EV ในขณะที่ Mercedes Benz และ BMW ยังคงมีความสนใจกับ plug-in hybrid EV แบตเตอรี่ FOMM พร้อมสำหรับจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ แต่ยอดขายยังไม่เป็นที่น่าพอใจเนื่องจากความแตกต่างกันของรุ่นแบตเตอรี่ในแต่ละรุ่นของรถยนต์โดยผู้ลงทุนจะต้องส่งหลักฐานการสมัครเข้าร่วมโครงการสำหรับรถยนต์ hybrid ในปี 2019 ในขณะที่การประกอบแบตเตอรี่สำหรับEV ยังคงต้องการเวลาภายในสามปี โดย BOI ต้องการให้ผู้ลงทุนสามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV อย่างน้อย 1ชิ้นในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 4ชิ้น ในเวลา 3ปี โดยชิ้นส่วนที่จำเป็นได้แก่ แบตเตอรี่, มอเตอร์ลากจูง, หน่วยควบคุมการขับขี่, และ ระบบควบคุมแบตเตอรี่

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 22 กรกฎาคม 2562

Six automakers and supplier ZF TRW face a federal lawsuit seeking class-action certification over defective airbag control units.The complaint, filed Monday in U.S. District Court for the Central District of California, claims the automakers and U.S. supplier TRW, acquired by Germany's ZF Friedrichshafen in 2015, concealed airbag defects from consumers.The automaker defendants in the suit include Kia Motors America, Hyundai Motor America, Fiat Chrysler Automobiles, Mitsubishi Motors America, American Honda Motor and Toyota Motor U.S.A.The most recent lawsuit claims the airbag control unit can "seize-up" during an accident, causing airbags to fail to deploy and a seat belt lock failure.MLG, a California law firm, and Kaplan Fox and Kilsheimer, of New York, filed the suit on behalf of six plaintiffs who say they would not have bought their vehicles or paid less for them if they had known about the airbag control unit defect.The lawsuit lists more than 50 models from Acura, Honda, Dodge, Jeep, Ram, Hyundai, Kia, Mitsubishi and Toyota as containing the defective unit. In April, NHTSA expanded the investigation related to ZF TRW airbag control units to include 12.3 million vehicles by the same manufacturers named in the lawsuit.

6 ผู้ผลิตยานยนต์และ ZF TRW ผู้ผลิตเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน ผู้ผลิตเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเผชิญกับกฎหมายเกี่ยวกับระบบถุงลมนิรภัย

6 ผู้ผลิตยานยนต์และผู้ผลิตเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนอย่าง ZF TRW กำลังเผชิญกับข้อกฎหมายของรัฐที่ออกมาเพื่อรับรองเกี่ยวกับข้อผิดพลาดในระบบควบคุมถุงลมนิรภัยในรถยนต์ หลังจากมีการฟ้องร้องจากลูกค้าในเรื่องข้อผิดพลาดของถุงลมนิรภัยซึ่งเกิดจากบริษัท ZF Friedrichshafen เมื่อปี 2015 จำเลยซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในครั้งนี้รวมไปถึง Kia Motors America, Hyundai Motor America, Fiat Chrysler Automobile, Mitsubishi Motors America, American Honda Motor, และ Toyota Motor U.S.A. ในขณะที่ Kia, Hyundai, และ ZF TRW กำลังเผชิญหน้ากับอีกคดีในลักษณะที่คล้ายกัน โดยคดีความส่วนมากมักเป็นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการควบคุมถุงลมนิรภัยซึ่งสามารถขยายขนาดได้ขณะเกิดอุบัติเหตุ เป็นเหตุให้การปรับใช้ถุงลมเกิดข้อผิดพลาด และตัวล็อคเข็มขัดนิรภัยขัดข้อง MGL หนึ่งในบริษัทกฎหมายในแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า จากการยื่นคดีในนามของ6โจทก์ พวกเขากล่าวว่าจะไม่มีทางจ่ายเงินเพื่อซื้อรถยนต์ดังกล่าว ถึงแม้จะได้ในราคาที่ถูกลง แต่ก็ไม่คุ้มกับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทกฎหมายได้รายการรุ่นรถยนต์ไว้กว่า 50 รุ่น ที่เกิดข้อผิดพลาดดังกล่าวขึ้น เช่น Acura, Honda, Dodge, Jeep, Ram, Hyundai, Kia, Mitsubishi, และ Toyota โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมา NHTSA ได้ขยายการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับระบบควบคุมถุงลมนิรภัยของ ZF TRW ซึ่งมีรถยนต์กว่า 12.3 ล้านคันที่มาจากผู้ผลิตเดียวกัน

ที่มา: Automotive News Europe ประจำวันที่ 19 กรกฎาคม 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414
email : aiu@thaiauto.or.th