สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

           อีกไม่กี่วัน วอลโว่จะเปิดตัวกิจกรรมใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “วอลโว่ เวย์” เป็นกิจกรรมที่ต้องการให้ผู้บริโภคได้มีมโอกาสสัมผัสกับแบรนด์ และตัวสินค้าให้มากที่สุด นอกโชว์รูม ซึ่งคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่าอาจจะดูคล้ายกับโรดโชว์ กิจกรรมนี้เกิดขึ้น เพราะเห็นว่าต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ช่วงเวลา และพฤติกรรมผู้บริโภค การสื่อสารกับลูกค้าผ่านบิลบอร์ดหรือโฆษณาอาจจะไม่เพียงพอหรืออาจจะไม่ตอบโจทย์อย่างเต็มที่ แต่การสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้าเป็นสิ่งที่จำเป็น “กิจกรรมนี้เป็นการเอารถไปหาลูกค้าแทนที่จะให้ลูกค้ามาหาเรา ซึ่งจะเริ่มต้นวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ เริ่มในพื้นที่กรุงเทพฯก่อน” วอลโว่ เป็นค่ายรถยนต์พรีเมี่ยมที่มีตลาดค่อนข้างเล็กในตลาดเดียวกัน แต่ก็ถือว่าช่วงปีสองปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ โดยเพิ่มขึ้น 13% ในปีที่ผ่านมาและปีนี้วอลโว่ก็เชื่อว่าจะขยายตัวมากขึ้นพร้อมกับการที่บริษัททำตลาดเชิงรุกมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับผู้บริโภคและลูกค้า

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 เมษายน 2562

 

 

รัฐบาลจีนจะผลักดันให้มีการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนและอุตสาหกรรมยานยนต์เซลล์เชื้อเพลิงของประเทศอย่างต่อเนื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพื่อส่งเสริมพลังงานสีเขียวในตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก Huang Libin โฆษกของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศกล่าวว่า "รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและรถยนต์ไฟฟ้าบริสุทธิ์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมเป็นเส้นทางทางเทคนิคที่สำคัญสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่" ยานยนต์ไฟฟ้าเหมาะสำหรับการเดินทางในเมืองและระยะทางสั้นกว่าในขณะที่เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเหมาะสำหรับยานพาหนะเชิงพาณิชย์ทางไกลและขนาดใหญ่ หวางกล่าวว่า "เราเชื่อว่ารถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและยานพาหนะไฟฟ้าบริสุทธิ์จะอยู่ร่วมกันและเสริมซึ่งกันและกันเป็นเวลานานเพื่อตอบสนองความต้องการของการขนส่งและการเดินทางของผู้คน" ผู้บริหารระดับสูงในอุตสาหกรรมและนักวิชาการในประเทศจีนเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเนื่องจากมีความเหมาะสมสำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ โดยทางบริษัท Toyota Motor Corp. ของญี่ปุ่นวางแผนที่จะจัดหาส่วนประกอบของเซลล์เชื้อเพลิงให้กับผู้ผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์ของจีนหลังจากเปิดตัวสถาบันวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย Tsinghua เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

China to support hydrogen, fuel cell vehicles

China will push ahead to advance development of the country's hydrogen energy and fuel cell vehicle industry, a government official said on Tuesday, as part of wider efforts to promote green energy in the world's largest light-vehicle market."Hydrogen fuel cell vehicles and pure electric vehicles with lithium batteries are important technical routes for new energy vehicles," said Huang Libin, a spokesman for the Ministry of Industry and Information Technology.Electric vehicles are more suitable for urban and short-distance passenger travel, while hydrogen fuel cells are more suitable for long-distance and large commercial vehicles, Huang said."We believe that hydrogen fuel cell vehicles and pure electric vehicles will coexist and complement each other for a long time to meet the needs of transportation and people's travel," Huang said.Senior industry executives and academics in China have urged the government to support hydrogen fuel cell technology due to its suitability for commercial vehicles.Japan's Toyota Motor Corp. plans to supply fuel cell components to China's commercial vehicle makers after launching a joint research institute with Tsinghua University last week.

ที่มา : Automotive News China ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2562

 

บริษัท Valeo ได้ออกมากล่าวว่ายอดขายของบริษัทลดลง 0.8% ในไตรมาสแรกท่ามกลางการลดลงของการผลิตยานยนต์ในตลาดหลักบางแห่งรายรับลดลงสู่ 4.84 พันล้านยูโร (5.39 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนมกราคม - มีนาคมจาก 4.88 พันล้านดอลลาร์ในปีก่อนเนื่องจากการผลิตรถยนต์ทั่วโลกลดลง 7%Valeo กล่าวว่าเป็นไปได้ที่จะแซงหน้ายอดการผลิตรถยนต์ในปี 2019 ซึ่งเป็นอัตรากำไรที่กว้างขึ้นการลดลงของไตรมาสแรกนั้นใกล้เคียงกับร้อยละ 3 บนพื้นฐานที่คล้ายกันซึ่งไม่รวมผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน Valeo กล่าวValeo ผลิตระบบแสงสว่างระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองระบบไฟฟ้าและระบบประหยัดเชื้อเพลิงบริษัท ได้ลงทุนอย่างหนักเพื่อให้ได้ประโยชน์จากกฎข้อบังคับการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้นและการเพิ่มระบบอัตโนมัติของยานพาหนะโดยการผลักดันเข้าไปในรถยนต์, เซ็นเซอร์และระบบกล้องในขณะที่รอกลยุทธ์ที่จะชำระ บริษัท ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์และปริมาณคำสั่งซื้อที่อ่อนตัวลงซึ่งบังคับให้ต้องใช้เงินทุนและคืนเงินออมใหม่ 100 ล้านยูโร แม้จะมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หุ้นของ บริษัท ลดลง 44% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา“ ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองที่ไม่มั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรากำลังเร่งดำเนินการตามแผนของเราเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายด้านทุน” ซีอีโอ Jacques Aschenbroich กล่าวในแถลงการณ์

Valeo sales dip on slowing auto production

Valeo said sales fell 0.8 percent in the first quarter amid sharper declines in vehicle production in some of its major markets.Revenue fell to 4.84 billion euros ($5.39 billion) in January-March from 4.88 billion a year earlier, as global auto production dropped 7 percent, the French supplier said.Valeo said it was on course to outpace auto production by a wider margin in 2019, reiterating full-year goals.The first-quarter decline was closer to 3 percent on a like-for-like basis that excludes exchange-rate effects, Valeo said.Valeo produces lighting, self-driving, electrified and fuel-saving systems.The company has invested heavily to benefit from ever-tightening emissions regulations and increasing vehicle automation, through a push into electrified cars, sensors and camera systems.While waiting for the strategy to pay off, the company has been buffeted by an auto-market slowdown and weakening order intake that forced it to rein in capital spending and pledge 100 million euros in new savings. Despite a modest rally in recent weeks, the company's shares are down 44 percent over the past 12 months."In a particularly unstable economic and geopolitical environment, we are pressing ahead with our plan to reduce costs and capital expenditure," CEO Jacques Aschenbroich said in a statement.

ที่มา : Automotive News Europe ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2562

            นายสกลธี ภัทพิยกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหรือแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยมีผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ ผู้บริหารเขตหลักสี่ เขตบางเขนพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การไฟฟ้านครหลวง กรมทางหลวง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แขวงการทางกรุงเทพฯ เทศบาลนครปากเกร็ด สถานีตำรวจนครบาลบางเขน สถานีตำรวจนครบาลททุ่งสองห้อง สถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมเปรมประชากร ชั้น 3 สำนักงานเขตหลักสี่ โดยภายหลังจากการประชุม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและคณะ ลงพื้นที่ตรวจการจราจรบริเวณห้าศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งปัจจุบันเกิดปัญหาการจราจรติดขัดต่อเนื่องหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าและเย็น ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น มอบหมายบริษัทผู้รับเหมา วางแนวกั้นพื้นที่ก่อสร้างตามความเหมาะสม พื้นที่ใดที่ยังไม่ดำเนินการก่อสร้างให้เปิดช่องการจราจรและเพื่อความปลอดภัยของประชาชนให้เปิดช่องทางการก่อสร้างให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันประชาชนเกิดความสบสน รวมทั้งติดตั้งป้ายและสัญญาณไฟให้ชัดเจน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ อปท.นิวส์ ฉบับวันที่ 30 เมษายน 2562

               ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แค่เปลี่ยนตัวเลขตามหลังตัว E จาก 63 มาเป็น 53 ราคาลดฮวบกว่าครึ่ง ด้วยเหตุผลเป็นรุ่นที่ประกอบในประเทศ แต่คุณยังได้ทุกอย่างแทบไม่แตกต่างมีเฉพาะเครื่องยนต์จาก V8 ขนาด 40 ลิตร Bi-Turbo 571 แรงม้า มาเป็น 6 สูบ 3.0 ลิตร 435 แรงม้าเท่านั้น ค่ายดาวสามแฉกคลอด E63 4MATIC+ รถยนต์ตัวแรงที่สุดที่เคยมีมาในรถยนต์ตระกูล E-Class ด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร 612 แรงม้า 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.4 วินาที ด้วยราคาซ๊บียู 12,790,000 บาท แต่สำหรับ E53 4MATIC+ แลลเอสเคดี ตั้งราคาไว้แค่ 6,990,000 บาท ดีไซต์ภายนอกของ E53 4MATIC+ รูปทรงแบบคูเป้ ปลายท่อไอเสียคู่แบบ 2 round twin tailpipe look ให้เสียงคำรามได้เต็มอิ่มมาก มีสปอยเลอร์ด้านหลังบนฝากระโปรงท้ายแบบ AMG spoiler lip ช่วยด้านอากาศพลศาสตร์ได้เป็นเยี่ยมล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20 ตกแต่งด้วยสีดำ ไฟหน้าแบบ multi LED ไฟท้ายเป็น LED พร้อมเทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติค หลังคาพาโนรามิกซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยไฟฟ้า ภายในห้องโดยสารตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุ metal-weave และ black piano เบาะที่นั่งหุ้มของเอเอ็มจีและตราสัญลักษณ์เอเอ็มจี ด้วย ARTICO leather ตัดสลับ DINAMICA microfiber เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พวงมาลัยแบบ AMG performance steering wheel หุ้มหนัง nappa ตกแต่งด้วย DINAMICA microfiber ที่เป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยไฟฟ้า แบบปรับน้ำหนักตามระดับความเร็ว เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ระบบความบันเทิงครบ ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 เมษายน 2562

              นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอแช็ป (ASAP) ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้มอคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแช็ป) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ คาดว่าจะเติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากเทศบาลวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นของ asap ตามหัวเมืองใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความนิยม เช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปและอเมริกาเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศในลักษณะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวด้วยตัวเองสูงขึ้น นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจองรถยนต์ให้เช่าเพื่อรองรับประมาณ 600-700 คัน นายทรงวิทย์กล่าวว่า จากภาพรวมดังกล่าว ส่วผลให้อัตราจำนวนวันใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 50% หลังจากเห็นสัญญาณการเติบโตช่วงไตรมาสแรกมีอัตราการใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเพิ่มสูงชัดดเจน จึงช่วยสนับสนุนภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเติบโตได้ตามแผน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2562

           แม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ จะมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคันในนอร์เวย์จะแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง ประเทศที่น่าจะเป็นอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดน่าจะเป็นประเทศจีน ในฐานะที่จีนเป็นประเทศที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกจากประมาณ 500,000 คันเป็น 1.2 ล้านคัน ส่วนปี 2561 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอยู่ที่ 2.1 ล้านคัน ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 64% ไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจที่มีข้อมูลลักษณะนี้ เพราะรัฐบาลจีนทุ่มเทให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่านี่คืออนาคต นอกจากนั้นจีนยังลดภาษีให้รถยนต์ประเภทนี้ด้วย ไม่นับการอัดฉีดเงินให้กับบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งเร่งสร้างและกระจายโครงสร้างพื้นฐานอย่างจุดชาร์จไฟฟ้าให้มีจำนวนมากที่สุด จีนทุ่มเทและผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง แม้กระทั่งบริษัทที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างสหรัฐยังเป็นรอง แม้สหรัฐจะติดกลุ่มประเทศที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงเช่นกันก็ตาม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 เมษายน 2562

             Japan will require automakers to improve fleetwide fuel economy, including electric vehicles, by roughly 30% from the fiscal 2020 target by fiscal 2030, as it seeks to account for the environmental impact of Earth-friendly autos while still promoting their use.Electric cars so far have been calculated as having zero emissions because they do not use gasoline. The new rules will take into account the carbon dioxide emitted when generating power to run electrics, converting it into a measure of fuel efficiency, to encourage power-saving improvements.The standards will apply to the average fuel economy of each carmaker's total sales, not individual models. The fiscal 2020 target, set in 2011, called for an average of about 20 km per liter of gasoline -- up 24.1% from the fiscal 2009 performance. Japanese automakers are expected to achieve that target ahead of schedule.The government will use the new standards to promote adoption of next-generation vehicles. Electrics and plug-in hybrids accounted for only about 1% of new-auto sales in fiscal 2017 but could rise to between 20% and 30% in 2030. Gasoline autos are expected to fall to between 30% and 50% from the current 63%.A draft of the new standards will be unveiled after the nation's Golden Week holidays end in early May, for adoption around summer.Electric vehicles generally have a smaller environmental footprint than gasoline vehicles or hybrids and are believed to be a more effective way of meeting fuel economy targets. But further innovation is needed before they can become a mass-market product."We can't satisfy the standards with just gasoline-powered cars, so we will tap electrified cars, mostly hybrids, which are our current 'realistic' solution," Toyota Motor executive said."Companies will likely be forced to move up the timeline for their targets, like the percentage of electrified cars" in sales, said Koichi Sugimoto of Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities.The government will consider easing requirements if an automaker uses energy-saving air conditioners and other such equipment. A midterm

ประเทศญี่ปุ่นต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้าลด Carbon footprint

          ประเทศญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้มาตรฐานอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยรายแบรนด์ ซึ่งมีการตั้งเป้าที่จะลดอัตราการสิ้นเหลือน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 30 ในปีค.ศ. 2030 โดยเริ่มต้นในปีค.ศ. 2020 ที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 20 กิโลเมตรต่อลิตร นอกจากนั้นรถยนต์ไฟฟ้าที่ในขณะปัจจุบันถูกมองว่าเป็นรถยนต์ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ (Zero Emission) ขณะใช้งาน แต่มีการปล่อยมลพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจะนำปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แปลงค่ามาเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเทียบเท่าเพื่อนำมาใช้กับมาตรการนี้ด้วย โดยจะประกาศใช้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้

ที่มา: Nikkei Asian Review ประจำวันที่ 24 เมษายน 2562 review will be conducted to evaluate whether the new standards are appropriate.

                   ส.อ.ท. แจ้งยอดผลิตรถยนต์ 2 เดือนของปีนี้ 362,666 คัน โต 5.29% เป็นรถยนต์นั่ง 147,850 คัน รถกระบะ 1 ตัน 210,052 คัน คิดเป็นสัดส่วน 40.77% และ 57.92% ตามลำดับ ส่วนรถจักรยานยนต์ผลิต 435,932 คัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 160,381 คัน และรถจักรยานยนต์ขายจำนวน 294,272 คัน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ เผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ภายในประเทศช่วง 2 เดือน (มกราคม กุมภาพันธ์) ปี 2562 นี้ว่า มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 จำนวนทั้งสิ้น 362,666 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 คิดเป็นสัดส่วน 5.29% โดยแบ่งเป็นยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 มีจำนวน 147,850 คัน เท่ากับ 40.77% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.14% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 ผลิตทั้งสิ้น 210,052 คัน เท่ากับ 57.92% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.67% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุกจำนวน 54,307 คัน รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ 130,221 คัน และกระบะ PPV จำนวน 25,524 คัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 เมษายน 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th