นายณัฐพล รังสิตพล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า สมอ.อยู่ระหว่างกำหนดมาตรฐานตามกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอสเคิร์ฟ) สอดรับกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมของรัฐบาลก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-มีนาคม 2561) กำหนดมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรมตามกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว 45 เรื่อง คิดเป็นความคืบหน้า 38.46% แบ่งเป็นอุตสาหกรรมเดิม 22 เรื่อง และกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต 23 เรื่อง จากเป้าหมายทั้งหมด 117 เรื่อง ตั้งเป้ากำหนดมาตรฐานครบก่อนสิ้นปีงบประมาณคือเดือนกันยายน 2561 โดยกลุ่มต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่มีเพียง 2 กลุ่ม คืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง ชีวภาพและเคมีชีวภาพดำเนินการครบแล้ว ที่เหลือยานยนต์สมัยใหม่, อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร, หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม, อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร ยังดำเนินการไม่เสร็จ นายณัฐพลกล่าวถึงการจัดทำมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.เอส) เพื่อยกระดับขีดความสามารถเอสเอ็มอีว่า มีการประกาศใช้แล้ว 20 มาตรฐาน ปีนี้กำหนดเพิ่มเติมอีก 20 มาตรฐาน ได้แก่ กลุ่มมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อาทิ น้ำมันกฤษณา ลูกหมากรถยนต์ และกลุ่มมาตรฐานการให้บริการ อาทิ การบริการล้างรถ การบริการซักอบรีด การบริการร้านกาแฟ และเตรียมประกาศมาตรฐานยางล้อเป็นมาตรฐานบังคับ โดยอยู่ระหว่างการตราพระราชกฤษฎีกา และจะประกาศใช้ภายในปีนี้ เพื่อรองรับศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ
สหภาพยุโรป หรืออียู ประกาศกฎข้อบังคับให้ติดตั้งระบบเตือนภัยฉุกเฉิน (Automatic Emergency Alert System) หรือที่เรียกกันว่า ระบบอีคอล (eCall) ในยานยนต์รุ่นใหม่ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน หรือจากผู้ผลิตค่ายใด จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 เป็นต้นไป อีคอลถือเป็นระบบมาตรฐานจะต้องติดตั้งในยานยนต์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนระบบดังกล่าวก็คือส่วนหนึ่งของระบบเทเลเมติกส์ (Telematics) มีหน้าที่เชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลทางไกล ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์บนสมาร์ทโฟนกับแอพพลิเคชั่น สำหรับคอนติเนนทอลได้พัฒนาระบบ เทเลเมติกส์มาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2539 บริษัทเห็นด้วยกับทางคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับกฎข้อบังคับในการติดตั้งระบบอีคอลในยานยนต์รุ่นใหม่ทุกประเภท เฮเบลกล่าวว่า ระบบอีคอลเป็นเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตบนท้องถนน ตอบโจทย์กับวิสัยทัศน์บริษัท คือ การลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ (Vision Zero) ฟังก์ชั่นการทำงานของระบบ อีคอลจะใช้ระบบเทเลเมติกส์วิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานยนต์แบบเรียลไทม์ผ่านทางแอพพลิเคชั่น รวมถึงการแจ้งเตือนสภาพการจราจรหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะขับขี่ยานยนต์
นายเจน นำชัยศิริ ประธาน ส.อ.ท.ในฐานะประธาน กกร.ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งจากภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกของไทยเติบโตแข็งแกร่ง และการท่องเที่ยวก็ยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะการส่งออกที่ขยายตัวมาก และการนำเข้าที่ขยายตัวในทุกหมวดทั้งสินค้าทุนและสินค้าเพื่อการบริโภค สะท้อนถึงการผลิตและการใช้จ่ายในที่ดีขึ้น กกร.จึงปรับเพิ่มประมาณเศรษฐกิจใหม่ โดยปรับจีดีพี ปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.8-4.5% เพิ่มเป็น 4.0-4.5% การส่งออกจากเดิมคาดว่าขยายตัว 3.5-6.0% เพิ่มเป็น 5.0-8.0% และเงินเฟ้อทั่วไป จากเดิมขยายตัว 1.1-1.6% ลดลงเหลือ 0.7-1.2% “ประมาณการเศรษฐกิจใหม่นี้ คำนวณบนพื้นฐานที่ค่าเงินบาทอยู่ในระดับ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐน่าจะปรับสูงขึ้น เพราะในปีนี้สหรัฐน่าจะปรับดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง และปีหน้าอีก 3 ครั้ง น่าจะผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้นในช่วงต่อไป” อย่างไรก็ตาม การที่อัตราเงินเฟ้อลดลงสวนทางกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากสินค้าคอมมูนิตี้ต่างๆยังไม่ได้มีราคาที่เพิ่มขึ้น เช่น น้ำมัน และราคาสินค้าเกษตรเป็นต้น โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่ยังไม่ดีนัก ทำให้สินค้าในกลุ่มอาหารเพิ่มขึ้นต่ำ กดดันให้อัตราเงินเฟ้อต่ำ