สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

          รายงานการวิเคราะห์จากสำนักข่าวรอยเตอร์บอกว่า มูลค่าการลงทุน 90,000 ล้านดอลลาร์ดังกล่าวทุ่มให้กับรถไฟฟ้าหรืออีวีที่มีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของยอดขายรถ 90 ล้านคันโดยประมาณ ในแต่ละปี และเป็นพื้นที่ที่ครอบงำโดยเทสลาของอีลอน มัสค์ ที่มียอดขายกว่า 100,000 คันจากรถที่เพิ่งผลิตออกมาแค่ 3 รุ่น  นอกจากนั้น ขณะที่ค่ายรถชั้นนำของโลกเตรียมเปิดตัวรถไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่และรถไฮบริดที่ใช้น้ำมันและไฟฟ้ารวมแล้วนับสิบรุ่นในช่วง 5 ปีข้างหน้า ซึ่งหลายรุ่นในจำนวนนี้จะประเดิมกันที่ตลาดจีนนั้น ผู้บริหารกลุ่มใหญ่ยังเฝ้าถามตัวเองว่า ใครจะซื้อรถมากมายเหล่านี้   บิลล์ ฟอร์ด จูเนียร์ ประธานบริหารฟอร์ด มอเตอร์ ที่ประกาศลงทุน 11,000 ล้านดอลลาร์ในโครงการพัฒนารถไฟฟ้ากลางงานนอร์ธ อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล ออโต้โชว์ที่ดีทรอยต์เมื่อวันอาทิตย์ (14 ม.ค.) บอกว่า ฟอร์ดลงเล่นในเซกเมนต์นี้ เต็มตัวแล้ว    ไมค์ แจ็คสัน ประธานบริหารออโต้เนชั่น เชนขายปลีกรถยนต์ใหญ่ที่สุดในอเมริกา คาดว่า ภายในปี 2030 อีวีจะมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 15-20% ของยอดขายรถป้ายแดงในอเมริกา และสำทับว่า เทสลากำลังจะเจอของจริงคืออีวีจากสารพัดค่าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน 360 องศา วันที่ 24 มกราคม  2561

 

       ตลาดรถจักรยานยนต์โตเกินคาด มั่นใจยอดรวมปีนี้ 1.8 ล้านคัน  หลังตลาดแข่งดุ แห่เปิดตัวดันยอด พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน หันใช้รถรองรับไลฟ์สไตล์-หนีปัญหาจราจร  เผยรถครอบครัวกลุ่มราคาต่ำสุด สัดส่วนเพิ่ม "ยามาฮ่า"เชื่อปีหน้าเติบโตชัด คาด 3-5 ปีไทยได้เห็นรถพลังงานไฟฟ้า หลังพัฒนาสเปคเทียบเท่ารถเครื่องยนต์ 125 ซีซี  ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเคยสร้างยอดขายต่อปีในระดับกว่า 2 ล้านคัน ช่วงปี 2554-2556 ก่อนที่จะหดตัวลงมาเหลือ 1.8 ล้านคันในปี 2557 และประเมินกันว่า ตลาดเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว อย่างไรก็ตามล่าสุดช่วง ม.ค.-พ.ย.ยอดขายเกือบ 1.68 ล้านคัน ใกล้เคียงทั้งปีที่แล้วที่ทำได้ 1.74 ล้านคัน  นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ช่วงต้นปีประเมินว่าตลาดปีนี้ จะไม่เติบโต หรือโตเล็กน้อย ด้วยยอดประมาณ 1.75 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่เมื่อผ่านไปครึ่งปีพบว่าโต 4% และยามาฮ่า เพิ่มขึ้น 14% ทำให้ต้องเพิ่มเป้าขายใหม่ โดยคาดตลาดรวม 1.8 ล้านคันยามาฮ่า 2.85 แสนคัน  เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2559
ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ ทูเดย์ วันที่ 25 ธันวาคม  2560

 

 

      Brussels, 14 December 2017 – In November 2017, registrations of new passenger cars in the EU totalled 1,216,702 units. Demand increased by 5.9% compared to the same month last year, mostly driven by the fact that there was one extra working day this November. In November 2017, registrations of new passenger cars in the EU totalled 1,216,702 units. Demand increased by 5.9% compared to the same month last year, mostly driven by the fact that there was one extra working day this November. Nearly all major EU markets performed well: Spain (+12.4%) and France (+10.3%) posted double-digit growth, followed by Germany (+9.4%) and Italy (+6.8%). The UK car market, however, contracted for the eighth consecutive month, with registrations falling by 11.2% in November. Eleven months into the year, the European car market continued its positive momentum (+4.1%), counting more than 14 million new passenger cars registered. Among the five big markets, Italy (+8.7%) and Spain (+7.8%) recorded the strongest gains, followed by France (+5.3%) and Germany (+3.0%). By contrast, car demand in the United Kingdom decreased by 5.0% so far in 2017.
 
ที่มา : acea.be วันที่ 15 ธันวาคม 2560
 



 

       นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 85.9 ลดลงจากเดือนก่อนอยู่ที่ 86.7 เนื่องจากผู้ประกอบการเห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายภายในประเทศชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ ประกอบกับฝนตกจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันในเดือนตุลาคม ยังมีวันทำงานน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า ขณะที่ภาคเอกชนเองก็ติดตามปัจจัยการเมืองเรื่องปรับ คณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีตำแหน่งใด และนโยบายจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่  “แม้เดือนตุลาคมความเชื่อมั่นจะลดลง แต่เชื่อว่าตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ความเชื่อมั่นจะดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นสัญญาณราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นกำลังซื้ออย่างมากขณะเดียวกันยังมีมาตรการช้อปช่วยชาติ ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงปี 2561 แน่นอน” นายเจน กล่าว  ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สอท. กล่าวว่ายอดผลิตรถยนต์ในเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 163,487 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.48% จากการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออก 57,599 คัน เพิ่มขึ้น 6.16% และยอดผลิตรถยนต์นั่งเพื่อจำหน่ายในประเทศ 37,810 คัน เพิ่มขึ้น12.63% ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม) มี 1,641,231 คัน เพิ่มขึ้น 0.21%

ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันที่ 23 พฤศจิกายน 2560

 

 

image_619-1

 

       หลังการทำ Primer  มุ่งเน้นให้ตรวจสอบความเรียบร้อย

 

image-619-1

 

       ต้องตรวจดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เช่น โป๊วสีเก็บไม่ละเอียด, เกิดตามด, มีฟองอากาศหรือมีเม็ดฝุ่น สิ่งเหล่านี้หากตรวจสอบพบควรรีบทำการแก้ไขเสียก่อนที่จะส่งผ่านไป เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ปัญหาติดตามไปยังกระบวนการถัดไป ซึ่งยากต่อการแก้ไข และเกิดความสูญเสียมากขึ้น

 

       หลังการทำ Top coat  มุ่งเน้นให้ตรวจสอบด้านประกันคุณภาพ

image-619-2

 

       2.1 ตรวจสอบพื้นผิว เช่น ผิวส้ม, ไหลย้อย, สีด้าน, เม็ดฝุ่น             
       2.2 ความหนาชั้นสี ต้องยึดมาตรฐานลูกค้าเป็นเกณฑ์หลักในการตรวจสอบ
       2.3 อายุใช้งานหรือความคงทน ถ้าสีลอกหลุดง่าย แสดงว่ามีสิ่งปลอมปนผสมอยู่ภายในค่อนข้างมาก
       2.4 ความแข็งของเนื้อสี ต้องยึดมาตรฐานลูกค้าเป็นเกณฑ์เช่นเดียวกัน

 

image-619-3

 

         เฟียต ไครส์เลอร์ บริษัทรถยนต์รายใหญ่ สัญชาติอิตาลี-สหรัฐ แถลงว่า บริษัทได้ทำหนังสือถึงเรโนลต์ ค่ายรถดังจาก ฝรั่งเศส เสนอควบรวมธุรกิจแบบ 50/50 ก่อตั้ง บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัท เฟียตไครส์เลอร์ (เอฟซีเอ) ในตลาดหุ้นมิลาน พุ่งขึ้นกว่า 18% ก่อนจะร่วงลงมาอยู่ที่ 10% ในการซื้อขายช่วงสาย ส่วนหุ้นเรโนลต์พุ่งขึ้นกว่า 13% หลังจากรัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งถือหุ้นในบริษัทนี้ 15% แสดงท่าทีอยากให้ดีลนี้สำเร็จ โฆษกรัฐบาลเผยว่า รัฐบาลเห็นชอบแต่เงื่อนไขการควบรวมต้องสนับสนุนการ พัฒนาเรโนลต์ โดยเฉพาะพนักงานบริษัท

         ค่ายรถฝรั่งเศสรายนี้ประสบกับความ ปั่นป่วนตั้งแต่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจาก นายคาร์ลอส กอส์น ประธานคณะเจ้าหน้าที่ บริหาร ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัท นิสสันของญี่ปุ่นด้วย ถูกจับกุมที่กรุงโตเกียว พันธมิตรสามประสานระหว่างเรโนลต์- นิสสัน-มิตซูบิชิ ขณะนี้ผลิตรถยนต์ได้ราว 10.8 ล้านคัน เทียบกับโฟล์คสวาเกนของเยอรมนี และโตโยต้าของทั้งสองบริษัทผลิตได้ราว 10.6 ล้านคัน แต่อนาคตของกลุ่มยังไม่แน่นอน หลังจากนายกอส์นถูกขับพ้นเรโนลต์และนิสสัน เรโนลต์ถือหุ้นนิสสัน 43% ขณะที่นิสสันถือหุ้นเรโนลต์ 15%

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม 2562

 

 

           สถาบันยานยนต์ระบุประเทศไทยตอบรับเทรนด์รถอีวี คาดปีหน้าผลิตเกินครึ่งแสน หลังค่ายรถยนต์-ค่ายแบตเตอรี่ 9 รายผ่านบีโอไอทุ่มลงทุนกว่า 5.4 หมื่นล้าน นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน กรรมการสถาบันยานยนต์ ผู้ทำการแทนผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้รถยนต์อีวี, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และไฮบริด ว่า เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากยอดผลิตทั้งสิ้น 8,900 คัน เพิ่มเป็น 25,200 คัน ในปี 2561 ขณะที่ปีนี้คาดว่าตลาดทั้ง 3 แบบจะมียอดผลิตเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 36,000 คัน และเพิ่มเป็น 50,000 คัน ในปีถัดไป

                 ปัจจุบันมีค่ายรถที่ได้รับอนุมัติจากบีโอไอ เป็นรถไฮบริด 4 ราย รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด 4 ราย และรถไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่อีก 1 ราย รวมทั้งสิ้น 9 ราย โดยมีกำลังการผลิตรวมประมาณปีละ 500,000 คัน นับเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 54,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีค่ายรถยนต์ที่รอการอนุมัติรถไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่อีกจำนวน 7 ราย และการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีผู้ที่ได้รับการส่งเสริมแล้ว 5 ราย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นทำการผลิตได้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป อีกทั้งในปี พ.ศ. 2561ได้มีการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วกว่า 400 แห่ง

ที่มา : www.prachachat.net ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม 2562

 

 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมร่วมกับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพื่อติดตามสถานการณ์ และกำหนดท่าทีในการดำเนินการของไทย หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีให้สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ดำเนินการเจรจาทำความตกลงกับประเทศที่ส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับสหภาพยุโรป (อียู) ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ เพื่อลดการนำเข้า หรือจำกัดการนำเข้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ และป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยให้รายงานผลภายใน 180 วัน
 
“นับเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย เพราะไม่มีรายชื่ออยู่ที่สหรัฐฯ ระบุไว้ในเป้าหมาย และไม่น่าจะต้องมาหารือกับไทย เพราะยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย มีสัดส่วนในตลาด สหรัฐฯน้อยมาก สำหรับรายการสินค้าที่สหรัฐฯระบุว่ามีการนำเข้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถปิกอัพ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ (โฟร์วีล), ชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น เครื่องยนต์และชิ้นส่วน ระบบส่งกำลัง ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า เป็นต้น”
 
ที่มา : www.thairath.co.th ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม 2562
 

 

                  นายณัฐพล รังสิตผล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากช่องโหว่ของมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในระยะแรก ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการลดอัตราภาษีสรรพสามิตให้กับผู้ผลิตรถยนต์ HEV/PHEV โดยไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Next – Generation Vehicles) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve ของประเทศ ดังนั้น สศอ. จึงได้นำเสนอมาตรการในการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนให้เกิดการลงทุนการผลิตชิ้นส่วนสำคัญ “Core Tecnology” ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวจำสำคัญในการยกระดับไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต รวมทั้งต้องการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ำด้ราคาประหยัด และยังช่วยบรรเทาผลกระทบจากฝุ่นละองขนาดเล็ก หรือเรียกว่า “อีโค่อีวี” (ECO EV)  นายณัฐพล เปิดเผยเพิ่มเติมว่ามาตรการ ECO EV มีวัตถุประสงค์หลัด 2 ประการ คือ (1) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถปรับพลิกโฉมฐานการผลิตรถยนต์ ECO Car ซึ่งเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งหลักของประเทศไทยซึ่งถูกกระทบอย่างรุนแรงจากมาตรการาภาษ๊สรรพามิตของการส่างเสริม EV ระยะแรก และ (2) เพื่อปิดจุดอ่อนของมาตรการส่งเสริม EV ในรอบแรก ซึ่งจากโครงการที่บริษัทเสนอขอรับการสนับสนุนทั้งหมด สศอ. พบว่ามีปัญหาใน 3 ประเด็นหลัก คือ ร้อยละ 79.8 ของรถยนต์ทุกคันเป็นการลงทุนผลิต HEV ที่ไม่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ จึงไม่เอื้อให้เกิดการพัฒาโครงข่ายไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการพัฒนาให้ไปสู่ BEV ในอนาคตได้และกว่าร้อยละ 91.8 ของรถยนต์ที่ทุกบริษัท เสนอขอรับการสนับสนุน ไม่มีการลงทุนใน Core technology ของ EV ในประเทศไทยลเลย โดยเป็นการประกอบขั้นปลายสุด คือ ประกอบตัวถังและแบตเตอรี่ นอกจากนี้รถยนต์ทุกคันที่ทุกบริษัทเสนอขอรับการสนับสนุนมีราคาสูงกว่าที่ประชาชนผู้ใช้รถยนต์ส่วนใหญ่จะเข้าถึงได้ คือ ราว 1-6 ล้านบาท ซึ่งย่อมทำให้ไม่แพร่หลายหรือมีขนาดการผลิตที่เพียงพอสำหรับการลงทุนผลิต Core Technology ของ EV ในประเทศไทย

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 29 มีนาคม 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th