สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

              นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอแช็ป (ASAP) ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้มอคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแช็ป) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ คาดว่าจะเติบโตโดดเด่น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยบวกสนับสนุนจากเทศบาลวันหยุดยาว ทำให้นักท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อความต้องการใช้รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นของ asap ตามหัวเมืองใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวได้รับความนิยม เช่นเดียวกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยวจากฝั่งยุโรปและอเมริกาเข้ามาท่องเที่ยวภายในประเทศในลักษณะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวด้วยตัวเองสูงขึ้น นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจองรถยนต์ให้เช่าเพื่อรองรับประมาณ 600-700 คัน นายทรงวิทย์กล่าวว่า จากภาพรวมดังกล่าว ส่วผลให้อัตราจำนวนวันใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นในช่วงครึ่งปีแรกปีนี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 50% หลังจากเห็นสัญญาณการเติบโตช่วงไตรมาสแรกมีอัตราการใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเพิ่มสูงชัดดเจน จึงช่วยสนับสนุนภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเติบโตได้ตามแผน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 26 เมษายน 2562

           แม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้ จะมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคันในนอร์เวย์จะแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่ถ้าพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง ประเทศที่น่าจะเป็นอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดน่าจะเป็นประเทศจีน ในฐานะที่จีนเป็นประเทศที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกจากประมาณ 500,000 คันเป็น 1.2 ล้านคัน ส่วนปี 2561 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกอยู่ที่ 2.1 ล้านคัน ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ถึง 64% ไม่ใช่เรื่องหน้าแปลกใจที่มีข้อมูลลักษณะนี้ เพราะรัฐบาลจีนทุ่มเทให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่านี่คืออนาคต นอกจากนั้นจีนยังลดภาษีให้รถยนต์ประเภทนี้ด้วย ไม่นับการอัดฉีดเงินให้กับบริษัทที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งเร่งสร้างและกระจายโครงสร้างพื้นฐานอย่างจุดชาร์จไฟฟ้าให้มีจำนวนมากที่สุด จีนทุ่มเทและผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง แม้กระทั่งบริษัทที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างสหรัฐยังเป็นรอง แม้สหรัฐจะติดกลุ่มประเทศที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสัดส่วนที่สูงเช่นกันก็ตาม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 เมษายน 2562

             Japan will require automakers to improve fleetwide fuel economy, including electric vehicles, by roughly 30% from the fiscal 2020 target by fiscal 2030, as it seeks to account for the environmental impact of Earth-friendly autos while still promoting their use.Electric cars so far have been calculated as having zero emissions because they do not use gasoline. The new rules will take into account the carbon dioxide emitted when generating power to run electrics, converting it into a measure of fuel efficiency, to encourage power-saving improvements.The standards will apply to the average fuel economy of each carmaker's total sales, not individual models. The fiscal 2020 target, set in 2011, called for an average of about 20 km per liter of gasoline -- up 24.1% from the fiscal 2009 performance. Japanese automakers are expected to achieve that target ahead of schedule.The government will use the new standards to promote adoption of next-generation vehicles. Electrics and plug-in hybrids accounted for only about 1% of new-auto sales in fiscal 2017 but could rise to between 20% and 30% in 2030. Gasoline autos are expected to fall to between 30% and 50% from the current 63%.A draft of the new standards will be unveiled after the nation's Golden Week holidays end in early May, for adoption around summer.Electric vehicles generally have a smaller environmental footprint than gasoline vehicles or hybrids and are believed to be a more effective way of meeting fuel economy targets. But further innovation is needed before they can become a mass-market product."We can't satisfy the standards with just gasoline-powered cars, so we will tap electrified cars, mostly hybrids, which are our current 'realistic' solution," Toyota Motor executive said."Companies will likely be forced to move up the timeline for their targets, like the percentage of electrified cars" in sales, said Koichi Sugimoto of Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities.The government will consider easing requirements if an automaker uses energy-saving air conditioners and other such equipment. A midterm

ประเทศญี่ปุ่นต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้าลด Carbon footprint

          ประเทศญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้มาตรฐานอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยรายแบรนด์ ซึ่งมีการตั้งเป้าที่จะลดอัตราการสิ้นเหลือน้ำมันเชื้อเพลิงร้อยละ 30 ในปีค.ศ. 2030 โดยเริ่มต้นในปีค.ศ. 2020 ที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 20 กิโลเมตรต่อลิตร นอกจากนั้นรถยนต์ไฟฟ้าที่ในขณะปัจจุบันถูกมองว่าเป็นรถยนต์ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ (Zero Emission) ขณะใช้งาน แต่มีการปล่อยมลพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นจะนำปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แปลงค่ามาเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเทียบเท่าเพื่อนำมาใช้กับมาตรการนี้ด้วย โดยจะประกาศใช้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้

ที่มา: Nikkei Asian Review ประจำวันที่ 24 เมษายน 2562 review will be conducted to evaluate whether the new standards are appropriate.

                   ส.อ.ท. แจ้งยอดผลิตรถยนต์ 2 เดือนของปีนี้ 362,666 คัน โต 5.29% เป็นรถยนต์นั่ง 147,850 คัน รถกระบะ 1 ตัน 210,052 คัน คิดเป็นสัดส่วน 40.77% และ 57.92% ตามลำดับ ส่วนรถจักรยานยนต์ผลิต 435,932 คัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 160,381 คัน และรถจักรยานยนต์ขายจำนวน 294,272 คัน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ เผยถึงจำนวนการผลิตและยอดขายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ภายในประเทศช่วง 2 เดือน (มกราคม กุมภาพันธ์) ปี 2562 นี้ว่า มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตในเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 จำนวนทั้งสิ้น 362,666 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 คิดเป็นสัดส่วน 5.29% โดยแบ่งเป็นยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 มีจำนวน 147,850 คัน เท่ากับ 40.77% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.14% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน ตั้งแต่เดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2562 ผลิตทั้งสิ้น 210,052 คัน เท่ากับ 57.92% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ 2561 อยู่ที่ 5.67% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุกจำนวน 54,307 คัน รถกระบะดับเบิ้ลแค็บ 130,221 คัน และกระบะ PPV จำนวน 25,524 คัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 24 เมษายน 2562

          Huawei เปิดตัวฮาร์ดแวร์ 5G ที่ใช้ในรถยนต์ครั้งแรกของโลก(ที่เซี่ยงไฮ้) เป็นการส่งสัญญาที่จะก้าวไปเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์หลักของรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ โดยเรียกว่า MH5000 module ซึ่งอยู่ในชิป Balong 5000 5G Huawei ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยี 5G นี้ร่วมกับหลายค่ายรถยนต์ รวมถึง FAW, Dongfeng และ Changan. ถึงแม้ Huawei จะพยายามเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำของ 5G ยุคใหม่ แต่ก็มีข้อแย้งจากอเมริกา ซึ่งอ้างว่าเทคโนโลยีของ Huawei นี้เป็นอุปกรณ์เพื่อการจารกรรม ซึ่ง Huawei ก็ได้มีการปฏิเสธมาตลอด

Huawei has in recent years been testing technology for intelligent connected cars in Chinese cities such as Shanghai, Shenzhen and Wuxi and has signed cooperation deals with a swathe of automakers including FAW, Dongfeng and Changan. The company, which is also the world's biggest telecoms equipment maker, is striving to lead the global race for next-generation 5G networks but has come under increasing scrutiny from Washington which alleges that its equipment could be used for espionage. Huawei has repeatedly denied the allegations

ที่มา : AUTONEWS EUROPE

ผู้บริหารของผู้ผลิตรถยนต์หมายเลข 1 ของสหรัฐฯกล่าวในการประชุมในวันพุธที่นิวยอร์กว่า แบรนด์ คาดิลแลค สุดหรูของเจนเนอรัลมอเตอร์สมีความประทับใจกับการเติบโตที่แข็งแกร่งในประเทศจีนพร้อมแผนเพิ่มศูนยจำหน่ายรถยนต์ใหม่หลายร้อยแห่ง Steve Carlisle ประธาน GM กล่าวว่าคาดิลแลคจะขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายไปยัง 500 เมืองในประเทศจีนภายในปี 2568 บริษัท จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทุก ๆ 6 เดือนใน 3 ปีข้างหน้าในประเทศจีน คาร์ไลเซิลกล่าวในการประชุม Bank of America Merrill Lynch คาดิลแลคได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีเอ็มเพื่อท้าทายยอดขายเทสลาของคาดิลแลคของจีนเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ในปี 2561 และแมรี่บาร์ราประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีเอ็มกล่าวว่า บริษัท ตั้งเป้าขาย 1 ล้าน EV ต่อปีภายในปี 2569 ซึ่งได้กำหนดโควต้าการผลิตที่เข้มงวดสำหรับยานพาหนะดังกล่าว

Cadillac plans more dealers in China

General Motors' luxury Cadillac brand is enjoying strong growth in China, prompting plans to add hundreds of new stores, executives with the No. 1 U.S. automaker said at a conference on Wednesday in New York.GM Cadillac President Steve Carlisle said that Cadillac would expand its network of dealers to 500 in China by 2025.The company will launch a new product every 6 months for the next 3 years in China, Carlisle said at a Bank of America Merrill Lynch conference.Cadillac has been designated GM's lead electric vehicle brand to challenge Tesla Inc.Cadillacs China sales rose 17 percent in 2018, and GM Chief Executive Mary Barra has said that the company aims to sell 1 million EVs per year by 2026, many of them in China, which has set strict production quotas on such vehicles.

ที่มา : Automotive News China ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562

ประเทศจีนกำลังสร้างสถานที่แห่งแรกเพิ่ทดสอบรถยนต์อัตโนมัติบนถนนทางหลวงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าและสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง โฆษกของบริษัท Qilu Transportation Development Group Co. กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่ามีการเริ่มใช้ส่วนหนึ่งของทางหลวงที่มีอยู่สร้างพื้นที่ทดสอบในจังหวัดซานตงทางตะวันออก การก่อสร้างในพื้นที่ทดสอบความยาว 26 กิโลเมตรเริ่มขึ้นในวันที่ 12 เมษายน และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนกันยายน ผู้ผลิตรถยนต์และซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรมของจีนรวมถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆกำลังพยายามเพิ่มความสามามรถของรถยนต์อัตโนมัติ ระยะทางของทางหลวงที่ถูกดัดแปลงเป็นสถานที่ทดสอบนั้นมีอุโมงค์สามแห่งสะพานหนึ่งแห่งจุดเก็บค่าผ่านทางสามแห่งและเนินเขาหลายแห่ง Qilu กล่าว นอกจากนี้ บริษัท จะติดตั้งระบบ lidar, เซ็นเซอร์, อุปกรณ์ตรวจสอบสภาพอากาศและสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรถทดสอบถนนและผู้ใช้ ส่วนผู้ที่เคยใช้งานขับขี่บนถนนทางหลวงที่มีระยะทาง 26 กิโลเมตรที่เชื่อมระหว่างเมือง Binzhou และ Laiwu ในมณฑลซานตงตะวันออกให้เดินทางด้วยเส้นทางอื่นแทน ทั้งนี้ยังไม่กล่าวถึงงบประมาณทางการเดินในการก่อสร้างสถานที่ทดสอบ อีกทั้งบริษัท Qilu กำลังทดสอบ "ทางหลวงอัจฉริยะ" ในเมืองทางตะวันออกของจี่หนานเช่นเดียวกับในมณฑลซานตง ซึ่งเป็นถนนที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้

China preps site to test AV tech on highways

China is building its first site to test autonomous vehicles under highway conditions amid a global shift toward technologically advanced and self-driving cars.State-backed Qilu Transportation Development Group Co. is using a section of an existing highway to create the test site in eastern Shandong province, a company spokesman said Thursday. Construction on the 26-kilometer-long testing site began April 12, and it is expected to start operating in September.Chinese carmakers and industry suppliers including component manufacturers are stepping up efforts to seize opportunities presented by the move toward self-driving capabilities.The stretch of highway being converted to a test site has three tunnels, one bridge, three toll-collecting points, and many slopes, Qilu said. In addition, the company will install lidar systems, sensors, weather-monitoring equipment, and intelligent traffic signs for data exchange between test vehicles, the road, and users.Drivers who formerly used the 26-kilometer (16-mile) section of highway linking the cities of Binzhou and Laiwu in eastern Shandong province will travel on an alternative route, the spokesman said. He declined to provide monetary details for the test site.Separately, Qilu is testing an intelligent highwayin the eastern city of Jinan, also in Shandong province, that can generate electricity.

ที่มา : Automotive News China ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562

         แม้ชื่อของ Koenigsegg จะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเท่ากับวอลโว่หรือซาบในฐานะที่เป็นแบรนด์รถยนต์ของสวีเดน แต่ถ้าเป็นโลกของซุปเปอร์คาร์แล้ว ชื่อนี้ไม่เป็นรองใครแน่นอน ขณะเดียวกันด้านความนิยมของเศรษฐีเท้าขวาหนักที่มีต่อซุปเปอร์คาร์แบรนด์นี้ก็ไม่ด้อยกว่าใคร เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าว นั่นคือ โมเดลใหม่ล่าสุดอย่าง Koenigsegg Jesko นั้นมียอดจองเต็มโควต้าแล้ว Jesko เปิดตัวครั้งแรกในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2019 เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาโดยเรียกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีของแบรนด์รถยนต์สัญชาติสวีดิชที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1994 มีรถสปอร์ตรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ในตอนแรกหลายคนคิดว่า มันจะเป็นผลผลิตใหม่ แต่สุดท้ายแล้วจากการที่ Agera เปิดตัวรุ่น The final ออกมาขายเมื่อปี 2018 ทำให้เดากันไม่ยากว่า Jesko คือ ตัวตายตัวแทนนั้นเอง เพราะ Agera เองก็เปิดตัวขายมาตั้งแต่ปี 2010 แล้ว ส่วนชื่อรุ่นก็มาจากชื่อของคุณปู่ผู้ก่อตั้งบริษัท นั่นคือ Jesko von Koenigsegg สำหรับรายละเอียดตัวรถ งานนี้ Koenigsegg ยังเติมอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ของงแบรนด์เข้าไปอย่างครบถ้วนเหมือนเคย ทั้งการออกแบบในรูปลักษณ์ที่มีเส้นสายโค้งมนและตัวถังด้านหน้าเทลงด้านล่างพร้อมไฟหน้าที่ถูกวางอยู่บนซุ้มล้อหน้า รวมถึงประตูเปิดในแบบหมุน และตั้งฉากกับพื้นถนน หรือที่เรียกว่า Dihedral Door โดยรวมแล้วงานดีไซน์ทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันของผู้ก่อตั้งอย่าง Christian von Koenogsegg กับ Joachim Nordwall ซึ่งตัวรถมาในสไตล์สปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำ และขับเคลื่อนล้อหลัง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 เมษายน 2562

              ดันส่งออกรถยนต์กระฉูด นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจราการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ อาเซียนสามารถหาข้อสรุปในการจัดทำความตกลงยอมรับร่วม (เอ็มอาร์เอ) ผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียนภายหลังจากได้พยายามหารือกันมานานถึง 13 ปี หรือตั้งแต่ปี 2548 โดยภายใต้ความตกลงดังกล่าว อาเซียนจะจำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และชิ้นส่วนที่ผลิตภายในอาเซียนก่อนและให้มีการทลทวนเรื่องนี้ในปีที่ 4 หลังจากความตกลงมีผลบังคับว่าจะขยายขอบเขตไปถึงผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และชิ้นส่วนที่ผลิตนอกอาเซียนหรือไม่ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านมาตรฐานคุณภาพของอาเซียน และคณะทำงานด้านผลิตภัณฑ์และยานยนต์จัดทำถ้อยคำทางกฎหมายในเอกสารความตกลงตามแนวทางที่อาเซียนสรุปกันต่อไปและจะเสนอให้ลงนามในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนครั้งที่ 51 ในเดือนกันยายน 2562 ส่วนจะมีผลบังคับใช้ได้เมื่อใด อาเซียนจะกำหนดรอบระยะเวลากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากความตกลงมีผลบังคับใช้ จะทำให้ประเทศนำเข้าไม่ต้องตรวจสอบซ้ำยานยนต์และชิ้นส่วน ที่ระบุไว้ในความตกลง เพราะผ่านการตรวจสอบจากประเทศผู้ส่งออกแล้ว ถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกและนำเข้า ลดระยะเวลาและขั้นตอนการส่งออก นำเข้าลงได้มาก อาเซียนพูดคุยกันมา 13 ปี ยังตกลงกันไม่ได้แต่ไทยได้ใช้โอกาสที่เป็นประธานอาเซียนในปีนี้ ผลักดันให้อาเซียนเห็นตรงกันว่า การทำเอ็มอาร์เอสำหรับยานยนต์ และชิ้นส่วนของอาเซียนจำเป็นและสำคัญต่ออการค้าขาย ทำให้การค้าขายระหว่างกันสะดวกมากขึ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 23 เมษายน 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th