สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

          Just two years ago, India's huge car market was booming and global players were rushing to invest. Now it's been slammed into reverse. Sales of passenger vehicles plunged 31% in July, according to figures released by the Society of Indian Automobile Manufacturers (SIAM). It's the ninth straight month of declines and the sharpest one-month drop in more than 18 years.

          But the country's biggest carmakers are now struggling. New safety and emission regulations have driven up prices, troubles among India's consumer finance providers have hit lending and a broader economic slowdown has made consumers reluctant to spend.

          Maruti Suzuki, which accounts for roughly half the passenger cars sold in India, reported a 36.7% drop in vehicle sales in July. Sales at Tata Motors (TTM), which owns Britain's biggest carmaker Jaguar Land Rover, plunged 31%.

          Mahindra & Mahindra (MAHMF), the leading Indian manufacturer of electric vehicles, suffered a 17% slump. It said last week that it would have "no production days" at several plants for up to 14 days this quarter to manage falling sales.

          Global rivals are also suffering. South Korea's Hyundai (HYMTF), the No.2 player in India, saw its sales fall 10% in July compared to the same month last year, while Japanese giant Toyota (TM) fell 24%.

ที่มา: https://edition.cnn.com ฉบับวันที่ 14 สิงหาคม 2562

          Just two years ago, India's huge car market was booming and global players were rushing to invest. Now it's been slammed into reverse. Sales of passenger vehicles plunged 31% in July, according to figures released by the Society of Indian Automobile Manufacturers (SIAM). It's the ninth straight month of declines and the sharpest one-month drop in more than 18 years.

          But the country's biggest carmakers are now struggling. New safety and emission regulations have driven up prices, troubles among India's consumer finance providers have hit lending and a broader economic slowdown has made consumers reluctant to spend.

          Maruti Suzuki, which accounts for roughly half the passenger cars sold in India, reported a 36.7% drop in vehicle sales in July. Sales at Tata Motors (TTM), which owns Britain's biggest carmaker Jaguar Land Rover, plunged 31%.

          Mahindra & Mahindra (MAHMF), the leading Indian manufacturer of electric vehicles, suffered a 17% slump. It said last week that it would have "no production days" at several plants for up to 14 days this quarter to manage falling sales.

          Global rivals are also suffering. South Korea's Hyundai (HYMTF), the No.2 player in India, saw its sales fall 10% in July compared to the same month last year, while Japanese giant Toyota (TM) fell 24%.

ที่มา: https://edition.cnn.com ฉบับวันที่ 14 สิงหาคม 2562

          "บลูมเบิร์ก" ประเมิน 20 ปี ตลาดโลก "อีวี" แซงเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชี้รถบัสโตเร็วสุด รถบรรทุกยังมีข้อจำกัด ด้าน "จามา" ชี้สัดส่วนอีวียังต่ำ ระบุปี 61 ตลาดใหญ่สุด "จีน" ครองตลาดแค่ 5%  เผยไทยผลักดันจริงจังส่งผลเอกชนลงทุน- เปิดตัวรถใหม่ "เอ็มจี" เผยยอดจองพุ่ง ด้าน "เบนซ์" จับมือ "สวทช." ศึกษาแบตเตอรี "วอลโว่" เตรียมเปิดตัว ปี 68 เหตุผลที่อีก 20 ปี ข้างหน้าตลาดจะขยายตัวอย่างชัดเจนเป็นเพราะราคาแบตเตอรีที่ต่ำลงมาก ซึ่งส่งผลให้นับตั้งแต่ช่วงกลางหรือปลายปี 2563 เป็นต้นไป รถยนต์ไฟฟ้า จะมีราคาถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ไอซีอี) ในแทบทุกตลาด

          สำหรับอีวีในไทย อยู่ในช่วง เริ่มต้น โดยภาครัฐมีนโยบายส่งเสริม การผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งไฮบริด ปลั๊กอิน ไฮบริด และอีวี โดยบีโอไอระบุว่ามี ผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งรายเล็กรายใหญ่รวม 21 ราย โดยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งต้องใช้เวลา เนื่องจากเป็นของใหม่ทำให้ต้องพิจารณาอย่างรัดกุม และหากมีข้อสงสัยก็จะต้องเรียกผู้ยื่นเข้ามาชี้แจงเป็นกรณีไป ส่วนค่ายรถที่เปิดตัวแล้วขณะนี้ มีหลายยี่ห้อ เช่น เกีย โซล อีวี, ฮุนได ไอออนิค, ฮุนได โคน่า, จากัวร์ ไอ-ไทป์, อาวดี้ อี-ตรอน, ไมน์ สปา วัน, ฟอมม์ วัน, นิสสัน ลีฟ และ เอ็มจี แซดเอส อีวี

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2562

          ค่ายรถประเมิน 5 ปัจจัยฉุดตลาดโลก ทั้งเศรษฐกิจจีน-เบรกซิท- สิ่งแวดล้อม "มูดีส์"ลดคาดการณ์เติบโตปีนี้เหลือ 0.5% พร้อมลดแนวโน้มอุตสาหกรรมจากมีเสถียรภาพเป็น"ลบ"  ด้านผู้ประกอบการ ไทยรับส่งผลกระทบส่งออก ครึ่งปีติดลบ 0.37% เบนเข็มเน้นตลาดอาเซียน ชี้มีศักยภาพหลายแห่ง "โตโยต้า"หวังฟื้นตลาดตะวันออกกลาง

          ค่ายรถยนต์ทั่วโลกดิ้นรนรับความท้าทายรอบด้าน ขณะที่ผู้บริโภคเริ่มซื้อรถน้อยลง ทำให้ปีนี้เป็นช่วงขาลงของอุตสาหกรรม รถยนต์โลก โดยประเมินกันว่ามาจาก 5 เหตุผลหลักคือ1.ความต้องการรถยนต์ ที่ถดถอย 2.ปมโกงค่ามลพิษ 3.ความท้าทายของรถไฟฟ้า 4.การมาของรถยนต์อัตโนมัติ โดยนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ให้ความเห็นว่า หากรถขับเคลื่อนอัตโนมัติกลายเป็นรถกระแสหลักใน 15 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคจำนวนมากอาจเลือกใช้บริการแชร์รถหรือ เช่ารถมากกว่าจะซื้อรถเป็นของตัวเอง และ 5.ประเด็นเบร็กซิท ซึ่งบรรดาค่ายรถชั้นนำ ของโลก ออกมาเตือนหลายครั้งว่าจะเกิด ความเสียหายขั้นรุนแรงหากสหราชอาณาจักรออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง นับตั้งแต่ ลงประชามติออกจากอียูตั้งแต่ปี 2559

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2562

          อินโดนีเซียเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ชุดใหญ่เพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รวมทั้งการสร้างฐานผลิตและส่งออกอีวีแข่งกับสิงคโปร์และไทย สู่เป้าหมายผู้นำอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีเดย์เริ่มการผลิตใน ปี 2022 ขณะที่มาตรการจูงใจที่เตรียมไว้มีทั้ง ลดภาษีสำหรับผู้ซื้อและผู้ผลิต ที่จอดรถพิเศษและอีกมากมาย

           สำหรับอินโดนีเซียนั้น นอกจากการแย่งชิง ความเป็นหนึ่งในตลาดอีวีอาเซียนแล้ว แผนการ ส่งเสริมรถไฟฟ้ายังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายาม ในการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการลดการพึ่งพิงน้ำมันนำเข้าและการปล่อย ไอเสียจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยนอกจากการ ส่งเสริมอีวีแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังเล็งยกเลิก การขายรถใช้น้ำมันภายในปี 2040

          กฎใหม่ของอินโดนีเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบภาษียานยนต์โดยอิงกับปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้และการปล่อยก๊าซคาร์บอนแทนประเภทตัวถังและขนาดเครื่องยนต์ เท่ากับว่า รถไฟฟ้าจะเสียภาษีน้อยกว่ารถใช้น้ำมันนอกจากนั้นผู้ผลิตอีวียังต้องเพิ่มจำนวน ชิ้นส่วนที่ผลิตในท้องถิ่นจนถึง 80% ภายในปี 2030 และปี 2026 สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2562

          เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ “เอ็กเทนเดอร์” รถปิดอัพ รุ่นแรกของ เอ็มจี และเป็นการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยสัดส่วนการขายว่า 45% แต่ก็แน่นอนว่าเป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดเช่นกัน เพราะมีขาใหญ่คุมตลาด 2 ยี่ห้อ ด้วยยอดขายรวมกัน กินพื้นที่กว่า 70% ของตลาดทั้งหมด แต่เอ็มจี ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าไปแทรกตลาดได้ ด้วยจุดเด่นหลายอย่างเติมเต็มในสิ่งที่ขาดไปสำหรับรถปิกอัพในบ้านเรา จากการออกสำรงจข้อมูลกลุ่มลูกค้า สำหรับปิกอัพเอ็มจีนั้น มีต้นกำเนิดในจีน โดย SAIC Motor บริษัทแม่ ที่สร้างปิดอัพในยี่ห้อ แม็กซัส และรุ่นล่าสุดคือ ที่ 70 อย่างไรก็ตาม เอ็มจีบอกว่าเมื่อแม็กซัสในจีนมาเป็นเอ็มจีในไทย ได้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพราะความต้องการไม่เหมือนกัน สเปกต่างๆรวมไปถึงการปรับตั้งระบบช่วงล่างต่างๆ รองรับตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่เป็นรุ่นเฉพาะของไทย แม้ว่าจะมีพื้นฐานเดียวกันก็ตาม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2562

          รองผู้อำนวยการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน 2562 หดตัวร้อยละ 5.54 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 หดตัวลงร้อยละ 2.64 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมิถุนายน 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันปิโตเลี่ยม Hard Disk Drive และเครื่องประดับแท้ สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตเลี่ยมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามวาระการตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ในขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ขยายตัเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.79 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 เพิ่มขึ้นเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.64 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดในประเทศและเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2562

          ปี 2562 นี้ ถือเป็นปีแห่งการเปิดศักราชตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยอย่างแท้จริง แม้ในช่วงก่อนหน้านี้จะมีหลายค่ายนำรถยนต์ไฟฟ้ามานำเสนอให้กับนักเลงรถหัวใจสีเขียว แต่ดูเหมือน แต่ดูเหมือนไม่ได้รับการตอบรับสักเท่าใด ด้วยเพราะราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร จวบจนกระทั่งค่ายรถยนต์สายเลือดอังกฤษ MG ได้เปิดตัว MG ZS EV รถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าในราคาสุดเร้าใจ ช่วยสร้างกระแสรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาพอสมควร เราไปดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยเพลานี้มีรุ่นไหน ค่ายอะไรบ้าง เริ่มการที่รุ่นแรกที่เข้ามาทำการตลาดอย่างเป็นทางการ “เกียโซล” ที่นำรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกระทัดรัดมาใส่หัวใจไฟฟ้า พร้อมปรับแต่งหน้าตาสีสันให้เข้ากันกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เปิดตัวในบ้านเราตั้งแต่ปี 2560 รูปร่างหน้าตาถือว่าน่ารักน่าชังทีเดียว “ฮุนได” อีกค่ายจากแดนกิมจิ ส่งมาให้เลือก 2 รุ่น ฮุนได ไอออนิค เก๋งไฟฟ้า กระจังหน้าแบบทึบ กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟขับขี่เวลากลางวันแนวตั้ง แม้จะเป็นรถซีดาน แต่ด้านท้ายดีไซต์คล้ายรถแฮกแบ็กแบบ 5 ประตู เดินเส้นสายสีทองแดงรอบคัน เพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับวันที่ 7 สิงหาคม 2562

          มาตรการบอยคอตสินค้าของชาวเกาหลีใต้ได้ผล ยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในตลาดโสมขาวเดือน ก.ค. ร่วงทันตา สมาคมผู้แทนจำหน่ายและนำเข้ารถยนต์เกาหลี (ไคดา) รายงานวานนี้ ( 5 ส.ค.) ว่ายอดขายรถยนต์ฮอนด้าในเกาหลีใต้ประจำเดือน กรกฎาคม ร่วงลงถึง 33.5% เมื่อเทียบกับช่วงดัยวกันของปีก่อน เช่นเดียวกับโตโยต้ามอเตอร์ลดฮวบ 32% ยอดขายเล็กซัสลดลง 24.6% จากเดือน มิ.ย. แม้ว่าถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 เพิ่มขึ้น 32.5% ก็ตาม ฮอนด้าเผยว่า กำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความระมัดระวัง ด้านผู้บริการรายหนึ่งของโตโยต้าเกาหลีกล่าวว่า ยังไม่อาจสรุปได้ว่ายอดที่ลดลงเป็นผลจากข้อพิพาท การค้าระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้แต่เพียงประการเดียว “ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับยอดขายโตโยต้ายังมีอีกมาก” ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนก.ค. ญี่ปุ่นได้ออกมาตรการเข้มควบคุมการส่งออกวัตถุดิบสำคัญไปให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เช่น ซัมซุง หลังจากศาลเกาหลีใต้พิพากษาให้บริษัทญี่ปุ่นจ่ายเงินชดชเยแก่ผู้ถูกบังคับใช้แรงงานชาวเกาหลีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันศุกร์ (2 สิงหาคม) ทั้งสองฝ่ายต่างถอดถอนชื่อฝ่ายตรงข้ามออกจากบัญชีประเทศที่ได้สิทธิพิเศษทางการค้า ไม่สนข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ขอให้พันธมิตรทั้งสองลดความตรึงเครียดระหว่างกันและก่อนที่รัฐบาลโซลจะตัดสินใจถอนชื่อญี่ปุ่นออกไป ชาวเกาหลีใต้ผู้คั่งแค้นพากันต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นมาระยะหนึ่งแล้วพากันไม่ซื้อเบียร์ เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แม้กระทั่งปากกาของญี่ปุ่น แล้วหันมาซื้อสินค้าของเกาหลีใต้แทน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 สิงหาคม 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th