สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

               มิตซูบิชิ มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แบบ plug-in hybrid ภายในประเทศ โดยมีแผนที่จะตั้งโรงงานที่แหลมฉบัง คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปีงบประมาณ 2020 ซึ่งจะหมดลงในเดือนมีนาคม ปี 2021 โดยการเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากมิตซูบิชิได้รับสิทธิ์จากคณะกรรมการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) สำหรับการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid มูลค่ากว่า 3.1 พันล้านบาท โดยโรงงานผลิตจะตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับการผลิตรถยนต์ของมิตซูบิชิ เช่น รถปิกอัพ รถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-cars) และรถยนต์ปิกอัพขนส่งผู้โดยสาร (PPVs)มิตซูบิชิเป็นบริษัทลำดับที่ 4 ที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid หลังจากอีก3แบรนด์ก่อนหน้าที่ได้รับ ได้แก่ Mercedes-Benz, BMW, และ SAIC Motor-CP โดยประธานและผู้บริหารระดับสูงกล่าวว่ามิตซูบิชิได้เตรียมตัวสำหรับการผลิตในท้องที่ แต่ไม่ได้เปิดเผยถึงแผนการเกี่ยวกับการทำการตลาดในไทยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า plug-in hybrid

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม 2562

                  ขณะที่ตลาดรถยนต์โดยรวมประจำเดือน มิ.ย. ปีนี้ อยู่ที่ 86,048 คัน ลดลง 2.1% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ประกอบด้วยยอดขายจากตลาดรถยนต์นั่ง 35,409 คัน ลดลง 4.6% และตลาดรถยนต์เพื่อการพานิชย์ 50,639 คัน ลดลง 0.2% โดยยอดขายรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 40,335 คัน เพิ่มขึ้น 0.3% “โดยยอดขายรถยนต์รวมทุกยี่ห้อในช่วงครึ่งปีแรกที่เพิ่มขึ้น 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคยคาดไว้ สืบเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดรถยนต์โดยรวมประจำเดือน มิ.ย. ปีนี้ ได้ปรับลดลงในรอบ 30 เดือน ซึ่งคาดว่ามาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลัง” ทั้งนี้ผลกระทบของสงครามการค้าจะเริ่มส่งผลต่อประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลัง จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โดยรวมในช่วงครึ่งปีหลัง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 26 กรกฎาคม 2562

China's Neolix signed a preliminary agreement with Middle East e-commerce company noon to test autonomous vehicles in Saudi Arabia and the United Arab Emirates.Neolix will build driverless vehicles customized for the region's weather conditions, where temperatures can soar above 50 degrees Celsius in the summer, noon said in a statement on Tuesday.Noon, a joint venture between Saudi Arabia's sovereign Public Investment Fund and Dubai billionaire Mohamed Alabbar, will focus on “last mile delivery” of the vehicles in select areas of Abu Dhabi and Dubai over the next few weeks, the company added.It did not give trial dates for Saudi Arabia.Neolix and noon signed the agreement during the state visit of Emirati crown prince Mohamed bin Zayed al-Nahyan to China.Chinese ride-hailing giant Didi Chuxing signed an agreement on Monday with Symphony Investment, which is funded by Middle Eastern companies including Dubai's Emaar Properties, to open a joint venture headquarters in Abu Dhabi that will "promote sharing economy and internet consumer services in the region."Abu Dhabi sovereign wealth fund Mubadala is considering joining the venture, a Didi statement said, without giving further details.Uber and Dubai’s Careem, which Uber is buying, are the largest ride-hailing operators in the Middle East. "The news of further investment into our region’s sharing economy shows increased investor confidence and recognition of the enormous opportunity that lies with this young, tech savvy, aspiring population," Careem CEO Mudassir Sheikha said.

Neolix เริ่มทดสอบยานยนต์อัตโนมัติที่ ซาอุดีอาระเบีย

Neolix ได้ลงนามทำสัญญาขั้นต้นกับบริษัท e-commerce ของซาอุดีอาราเบีย เพื่อนำยานยนต์ไร้คนบังคับไปทดสอบใน UAE Neolix จะพัฒนาระบบของตัวรถตามสภาพแวดล้อมและสภาพอากศในแต่ละที่ Didi Chuxing บริษัท ride-hailing ของจีนนั้นก็ร่วมลงนามในสัญญานี้ด้วย “การเข้ามาของนักลงทุนในประเทศของเรานั้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและโอกาศที่เกิดขึ้นมาจาก เทคโนโลยีนี้” Mudassir Sheikha กล่าว

ที่มา: https://www.autonews.com/china/neolix-test-autonomous-vehicles-saudi-uae

BMW plans to double its U.S. production capacity for lithium ion battery packs at its U.S. factory to support electric vehicle output at its largest global plant.The fourth-generation batteries will be used in plug-in hybrid models of the BMW X5 and the future BMW X3, the automaker said Wednesday.The $10 million investment comes as BMW embarks on an ambitious plan to launch 25 electrified vehicles — nearly half of which will be full electric — by 2023.BMW said the additional capacity required it to add an assembly line and expand its battery production area at its assembly plant in Spartanburg, South Carolina, to more than 86,000 square feet.The new line will be able to produce different types of batteries.BMW has assembled lithium ion battery packs in Spartanburg since 2015 and has produced more than 45,000 units for the X5.More than 120 people will be employed in battery pack assembly at the plant by year end.Local assembly of the BMW X5 xDrive45e will begin in August, and BMW X3 xDrive30e production will start in December

BMW วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมเป็น 2 เท่าที่สหรัฐอเมริกา

BMW วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมเป็น 2 เท่าในโรงงานที่สหรัฐอเมริกาเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดของโลก สำหรับแบตเตอรี่รุ่นที่ 4 นั้นใช้สำหรับรถยนต์ PHEV รุ่น BMW X5 และ BMW X3 ในอนาคตอีกด้วย BMW กล่าวว่าการเพิ่มกำลังการผลิตนั้นจำเป็นต้องเพิ่มไลน์การประกอบและขยายพื้นที่โรงงานใน South Carolina มากกว่า 86,000 ตารางฟุต ไลน์การผลิตใหม่นั้นจะสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้หลากหลายประเภท BMW ประกอบแพ็คแบตเตอรี่ใน Spartanburg ตั้งแต่ปี 2015 และผลิตได้มากกว่า 45,000 คันสำหรับรุ่น X5 การประกอบ BMW รุ่น X5 xDrive45e จะเริ่มในเดือนสิงหาคมและการผลิต BMW X3 xDrive30e จะเริ่มในเดือนธันวาคม

ที่มา : Automotive News Europe  ประจำวันที่ 26 ก.ค. 2562

Jaguar Land Rover recorded a quarterly pretax loss of 395 million pounds ($492 million) before exceptional items during the quarter ended June 30, compared with a 264-million pound ($328.8 million) loss in the year earlier period, parent company Tata Motors said in a statement. Quarterly revenues declined 2.8 percent to 5.1 billion pounds ($6.4 billion.) Global retail sales of Land Rover and Jaguar vehicles fell 11.6 percent to 128,615 for the quarter. But JLR had record sales in its U.K. home market, up 2.6 percent year-on-year, while China sales rose in June compared with the prior month.The results mainly reflect lower revenue resulting from the weaker market conditions, Tata Motors  said. Additional plant shutdown time resulting from Brexit contingency planning and delays in WLTP certification also contributed to the lower sales and profits, it said.JLR has been one of the biggest victims of a slowing Chinese car market, with its deliveries to dealerships plunging for 12 consecutive months.

จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ สูญเสียเป็นวงกว้าง ทั้งในยอดขายที่ลดลง และความท้าทายทางการค้า

จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ (Jaguar Land Rover : JLR) ประสบกับการขาดทุนกว่า 395 ล้านปอนด์ (492 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากรายงานการบัญชีในช่วงไตรมาสแรกของปี ก่อนรายการพิเศษระหว่างไตรมาสที่ 2 ที่จบลงในวันที่ 30 มิถุนายน เปรียบเทียบกับการขาดทุน 264 ล้านปอนด์ (328.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีก่อนหน้า โดยบริษัทแม่อย่างบริษัททาทา มอเตอร์ กล่าวในรายงานว่า รายได้ในไตรมาสแรกลดลง 2.8 เปอร์เซ็นต์ ที่ 5.1 พันล้านปอนด์ (6.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ข้อมูลจากผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ทั่วโลกแจ้งว่า ยอดขายรถยนต์จากัวร์ แลนด์ โรเวอร์ ตกลงมากว่า 11.6 เปอร์เซ็นต์ ที่ 128,615 คันในไตรมาสแรก แต่ JLR บันทึกยอดขายในสหราชอาณาจักร พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 2.6 เปอร์เซ็นต์ ปีต่อปี ในขณะที่ยอดขายในจีนเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยผลกระทบหลักอยู่ที่รายได้ที่ลดลง เป็นผลมาจากสภาพตลาดที่ไม่ดีเท่าที่ควร การ shutdown ในโรงงานบางส่วนซึ่งเป็นผลมาจากแผนฉุกเฉิน Brexit และความล่าช้าในการรับรองมาตรการการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (WLTP certification) เป็นเหตุให้ยอดขายและกำไรลดลงเช่นกัน JLR เป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบรายใหญ่จากการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ในจีน จากยอดขนส่งสู่ผู้แทนจำหน่ายซึ่งไม่คงที่เป็นเวลากว่า 12 เดือน

ที่มา: Automotive News Europe ประจำวันที่ 25 กรกฎาคม 2562

Nissan Motor is expected to report a more than 90% plunge in first-quarter operating profit on Thursday, Nikkei has learned, and will cut up to 7% of its global workforce as it braces for one of the worst years in a decade.Operating profit in the April to June period will come in at less than 10 billion yen, down from 109.1 billion yen ($1 billion) for the same period a year earlier.The Japanese automaker issued a statement saying that it expects the result "to be close to the figure reported" in the Nikkei article, which it described as "speculative."Sales in the U.S., one of Nissan's biggest markets, continue to fall, while the costs of developing electric vehicles and autonomous driving technologies are weighing heavily on profits.The company is now scrambling to reduce production capacity and intends to increase the planned 4,800 job cuts announced in May to more than 10,000 out of a 139,000-strong workforce.Data from QUICK FactSet shows the automaker's operating profit also fell below 10 billion yen for January to March. The last time Nissan's operating performance dropped so sharply was in January-March 2009, when the company recorded a loss of 200 billion yen.Nissan is scheduled formally to announce the first-quarter results on Thursday afternoon.The carmaker is expected to show a significant decrease in overall sales from the same quarter of 2018, when it recorded turnover of 2.7 trillion yen. Autodata, a market research firm, estimates the company sold around 350,000 units in the U.S., down 4% on the year and greater than the 2% average decline across the American market.Nissan is trying to wean itself off discounting as a means to boost sales in the U.S., and in April-June it decreased dealership incentives -- in effect, raising prices. Yet the automaker is pushing a number of ageing models that have not had major revamps in years, making it harder to persuade drivers to swallow price hikes.The company also suffered sales declines in Europe, where it was hit by tighter environmental regulations. In Japan, the Nissan brand has taken a major hit from the arrest of former chairman Carlos Ghosn for alleged financial misconduct. The executive denies any wrongdoing.But in China, Nissan sales turned upward in June after year-on-year declines in the previous two months. Japanese brands have fared relatively well as the world's biggest auto market has slowed. Chinese operations had no net impact on Nissan's quarterly profit.While sales are under pressure, Nissan is also being forced to invest more to meet new regulations and to develop next generation technology -- connected, autonomous, shared and electric cars. The costs are eating into profit.Higher costs of rare metals and other raw materials, as a result of the U.S.-China conflict, have also hurt the company, along with the impact of a stronger yen against the dollar.Nissan in May had forecast a 230 billion yen operating profit for the fiscal year through March 2020, down 28% from a year earlier. Net profit was expected to come in at 170 billion yen, down 47%.Along with the plunge in earnings, Nissan is expected tomorrow to announce a restructuring plan centered on job cuts and output capacity reductions. Management aims to free up resources -- rendered scarce by Ghosn's expansion drive -- to concentrate on next-generation technology.In May, Nissan announced 19 reform steps designed to reduce annual costs by 30 billion yen, including 4,800 job cuts in North America and other regions. The plan is to accelerate the layoffs by promoting early retirement and other measures. Capacity, mainly in emerging countries, is to be slashed by around 10%.Nissan had a workforce of 139,000 as of March 2018, with 33 plants around the world. Annual production capacity stood at about 6 million vehicles, but its sales of 5.5 million vehicles in 2018 came in well below that.The new restructuring plan is expected to include capacity cuts at around 10 plants worldwide.

Nissan กำไรลดลง 90% อาจจะส่งผลให้คนนับพันตกงาน

Nissan คาดการณ์ว่ากำไรของพวกเขานั้นอาจจะลดลงมากถึง 90% นั่นอาจจะส่งผลให้พวกเขาจำเป็นจะต้องปลดพนักงานทั้งบริษัทลงถึง 7% ของพนักงานทั้งหมด ยอดขายของนิสสันในสหรัฐตกลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการ วิจัยและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์อัตโนมัตินั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงในระดับนึง การที่ยอดขายลดลงนั้นเหมือเป็นการบังคับให้ นิสสันต้องหาหนทางใหม่ในการลงทุนเพื่อเพิ่มกำไร หากแต่ด้วยสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐส่งผลให้วัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตนั้นราคาสูงขึ้นมาก อีกทั้งด้วยเรื่องค่าเงินเยนแข็งตัวขึ้นอีกจึงเป็นงานยากสำหรับ นิสสันที่จะควบคุมสถานการนี้โดยนิสสันจะประกาศแผนการดำเนินงานและการปลดพนักงานเพื่อเพิ่มกำไรให้กลับมาอยู่ในสภาวะปรกติในภายหลัง

ที่มา : https://asia.nikkei.com/Business/Nissan-Renault-alliance/Nissan-to-post-90-profit-drop-and-cut-thousands-more-jobs

BMW plans to double its U.S. production capacity for lithium ion battery packs at its assembly plant in Spartanburg, S.C., to support electric vehicle output there at its largest plant in the world.The fourth-generation batteries will be used in plug-in hybrid models of the BMW X5 and the future BMW X3, the automaker said Wednesday.The $10 million investment comes as BMW embarks on an ambitious plan to launch 25 electrified vehicles — nearly half of which will be full electric — by 2023.BMW said the additional capacity required it to add an assembly line and expand its battery production area at Spartanburg to more than 86,000 square feet.The new line will be able to produce different types of batteries.BMW has assembled lithium ion battery packs in Spartanburg since 2015 and has produced more than 45,000 units for the X5More than 120 people will be employed in battery pack assembly at the plant by year end.Local assembly of the BMW X 5 xDrive45e will begin in August and BMW X 3 xDrive30e production will start in December

BMW ขยายปริมาณการผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกา

BMWมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้นเป็นสองเท่าที่โรงงานผลิตในเมือง Spartanburg เพื่อสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า โดยต้องการให้เป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยแบตเตอรี่รุ่นที่4จะสามารถใช้ได้ในรถยนต์รุ่น Plug-in hybrid ซึ่งรวมถึง BMW X5 และ BMW X3 ในอนาคต ซึ่งการเพิ่มยอดการผลิตครั้งนี้ มีเงินลงทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย BMW เริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้เพื่อเตรียมการในการปล่อยรถยนต์ที่จะประยุกต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกกว่า 25 รุ่นภายในปี 2023 ซึ่งนับเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าBMW กล่าวว่าปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นที่ต้องการของภาคการผลิต และยังเป็นการขยายพื้นที่การผลิตแบตเตอรี่ที่เมือง Spartanburg อีกกว่า 86,000 ตารางฟุต โดยฐานการผลิตใหม่นี้จะสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ในหลากลายรูปแบบ BMW ได้วางแผนการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในเมือง Spartanburg ตั้งแต่ปี 2015 และผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ BMW X5 ไปกว่า 45,000 หน่วย อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นกว่า 120 ตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้ โดยการผลิตในท้องถิ่นจะสามารถเริ่มต้นผลิตแบตเตอรี่ xDrive45e สำหรับ BMW X5 ซึ่งจะเริ่มต้นผลิตในเดือนสิงหาคม และแบตเตอรี่รุ่น xDrive30e สำหรับ BMW X3 ซึ่งจะเริ่มต้นผลิตในเดือนธันวาคม

ที่มา: Automotive News Europe ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2562

ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี และ โฟล์คสวาเก้น กรุ๊ป ประกาศขยายความร่วมมือในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และร่วมกับ อาร์โก เอไอ เปิดตัวเทคโนโลยีรถไร้คนขับในสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าของทั้งสองบริษัท เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย ดร. เฮอร์เบิร์ท ไดส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โฟล์คสวาเก้น และนายจิม แฮคเก็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี ร่วมเปิดเผยว่าบริษัทได้ประกาศร่วมกันในการลงทุนกับอาร์โก เอไอ บริษัทแพลทฟอร์มเทคโนโลยีรถไร้คนขับ โดยจากความร่วมมือระหว่างฟอร์ด และโฟล์คสวาเก้น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (SDS) ของอาร์โก เอไอ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกตลาดยุโรป และอเมริกา นอกจากนั้น แพลตฟอร์มของอาร์โก เอไอ ที่สามารถเข้าถึงตลาดผ่านเครื่อข่ายทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์ ยังมีศักยภาพในการขยายเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางที่สุดในปัจจุบัน โฟล์คสวาเก้น และฟอร์ดต่างก็จะนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าวมาใช้กับรถที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการนำร่องการขนย้ายคนและสินค้าของทั้งสองบริษัท นายแฮคเก็ต กล่าวว่า สิ่งที่อาร์โก เอไอ ให้ความสำคัญยังคงเป็นการนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ SEA Level 4-capable ไปประยุกต์ใช้กับรถเพื่อเป็นการใช้บริการ ride sharing และบริการส่งของในพื้นที่ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th