ช่วงนี้ทั่วทุกภาคของประเทศกำลังรับมือกับฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ตอนนี้นั่งรอลุ้นอยู่ว่าน้ำจะเข้ามาเมื่อไหร่ แบบนี้ผู้ใช้รถใช้ถนน ส่วนใหญ่คงต้องขับรถฝ่าฝน ฝ่าน้ำท่วมขังกันบ้าง ซึ่งอันตรายมากทีเดียว อันตรายต่อผู้ขับ และอันตรายต่อตัวรถอีกด้วย เรามาดูว่าเรามีวิธีอย่างไรในการขับรถฝ่าน้ำท่วมขัง
1. เปิดแอร์
ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด!! เพราะเมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้มีโอกาสพัดน้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่องของรถคุณได้ ซ้ำแล้วอาจจะพัดเอาขยะ เข้ามาติดพันหรืออาจหักไปเลยก็ได้ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ดับ ถ้าเครื่องดับก็ตัวใครตัวมันละครับ
2. ใช้เกียร์สูง ขับรถเร็ว
ควรใช้เกียร์ต่ำประมาณเกียร์ 2 สำหรับเกียร์ธรรมดา หรือประมาณเกียร์ L สำหรับออโต้ อย่าขับเร็วนะค่อยๆไป ใจเย็นๆ เพราะอาจเกิดอันตรายต่อคุณเองหรือคนรอบข้างได้ เพื่อป้องกันการเกิดคลื่นน้ำที่ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นบางจังหวะ
3. อย่าเร่งเครื่อง
เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูง จนใบพัดระบายความร้อนเริ่มทำงาน และสิ่งที่จะตามมาก็เหมือนกับข้อ 1 เลยค่ะ นอกจากนั้นควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุดอย่าเร่งความเร็วขึ้น แต่ถ้ารถติดก็หยุดเถอะครับอย่าขับไปชนเค้าล่ะ
4. เว้นระยะห่างคันหน้า
เพราะเมื่อเราขับรถไปลุยน้ำท่วม หรือน้ำขังมา ระบบเบรกจะเปียกน้ำและมีน้ำเข้าไปอยู่ในระบบ ทำให้เบรกไม่ค่อยจะอยู่ ควรจะเว้นระยะเบรกให้ห่างจากรถคันหน้ามากขึ้น และย้ำๆ เบรกด้วยเพื่อไล่น้ำ เพราะถ้ากดเบรกไปทีเดียวอาจจะเบรกไม่อยู่เอาง่ายๆ อันตรายนะครับ สำหรับเกียร์ธรรมดา นอกจากย้ำเบรกแล้วต้องมีการย้ำคลัตช์ด้วย เพราะหลังการลุยน้ำมา อาจมีปัญหาคลัตช์ลื่น จึงต้องทำทั้งย้ำคลัตช์และย้ำเบรก
5. สตาร์ตรถทิ้งไว้สักพัก
ไม่ควรดับเครื่องทันที แม้ถึงจุดหมายก็ตาม เพราะอาจมีน้ำค้างอยู่ในหม้อพักของท่อไอเสีย ควรสตาร์ตรถทิ้งไว้สักพัก อาจจะมีไอออกจากท่อไอเสีย ก็ไม่ต้องตกใจ เพื่อให้น้ำในหม้อพักมันระเหยออกไป
ถ้าต้องลุยน้ำจริงๆ เราควรคะเนระดับน้ำคร่าวๆ และพิจารณาความสูงของรถคุณเองว่าน่าจะฝ่าไปได้ไหม ซึ่งถ้าเป็นรถเก๋งบ้านๆ ทั่วไป แล้วน้ำสูงประมาณ 5-10 ซม. ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าสูงกว่านั้นหรือเริ่มปิ่มๆ ท่อไอเสียก็ต้องระวังแล้ว ทางที่ดีควรเช็กเส้นทางก่อนออกเดินทางว่ามีน้ำท่วมหรือเปล่าดีที่สุด
ที่มา : คุณณัฐพล เดชสิงห์ , นสพ.สยามธุรกิจ