ปัญหาสตาร์ตเครื่องยนต์ไม่ติดเกิดได้จากสาเหตุหลายประการ สาเหตุหนึ่งคือ เครื่องยนต์หมุนช้าในการสตาร์ตแต่ละครั้ง ซึ่งมักเกิดจากมอเตอร์สตาร์ตบกพร่อง แบตเตอรี่หมดสภาพ หรือเกิดจาการ ขาดการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ ขั้วแบตเตอรี่สกปรก ทำให้กระแสไฟเดินผ่านสายแบตเตอรี่ไม่สะดวก เวลาสตาร์ตเครื่องยนต์ มอเตอร์สตาร์ตรับกระแสไฟจากแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ
หากคุณสตาร์ตเครื่องยนต์รถคู่ใจของคุณ 2-3 ครั้ง ก็สตาร์ตไม่ติดสักที ขอแนะนำ ให้รีบหยุดสตาร์ตเครื่องยนต์ ก่อนที่ไฟแบตเตอรี่จะหมด และทำการตรวจสอบปัญหา ดังนี้
1. ใช้มือจับขั้วแบตเตอรี่ หากปรากฏว่าขั้วแบตเตอรี่ร้อน แสดงว่ากระแสไฟจากขั้ว แบตเตอรี่ไม่สามารถไหลผ่านขั้วของแบตเตอรี่ได้อย่างสะดวก
2. ดูขั้วแบตเตอรี่ หากมีคราบสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ลักษณะเป็นฝุ่นผง ติดที่ขั้วแบตเตอรี่ แสดงว่าขั้วแบตเตอรี่สกปรกมากทำให้ไฟเดินไม่สะดวก
การแก้ปัญหาเบื้องต้นก็คือการทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งคุณสามารถ ทำได้ ด้วยตัวเอง ตามลำดับดังนี้
1. ใช้ผงโซเดียมไบคาร์บอเนตหรือที่เรา ๆ เรียกกันว่าโซดาไฟผสมกับน้ำ แล้วค่อย ๆ ราด ลงตรงขั้วแบตเตอรี่ หรือใช้น้ำร้อนจัด ๆ ราดที่ขั้วแบตเตอรี่แทนก็ได้
2. ใช้น้ำสะอาดล้างสิ่งสกปรกออก
3. ใช้ประแจปากตายหรือแหวนเบอร์ 10 หรือ 12 ถอดขั้วสายแบตเตอรี่ลบ (-) ออก
4. ใช้ประแจปากตายหรือแหวนเบอร์ 10 หรือ 12 ถอดขั้วสายแบตเตอรี่บวก (+) ออก
5. ใช้แปรงทองเหลืองทำความสะอาดขั้วสายแบตเตอรี่และขั้วแบตเตอรี่
6. ใช้น้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหรือโซดาไฟค่อย ๆ ราดลงตรงขั้วแบตเตอรี่ จากนั้น ราดด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง
7. เช็ดขั้วสายแบตเตอรี่ให้แห้ง
8. ใช้จารบีทาขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองให้ทั่ว
9. ประกอบขั้วสายแบตเตอรี่บวก (+) ให้เข้าที่แล้วขันด้วยประแจให้แน่น
10. ประกอบขั้วสายแบตเตอรี่ลบ (-) ให้เข้าที่แล้วขันด้วยประแจให้แน่น
เพื่อความปลอดภัยจากแบตเตอรี่ลัดวงจร ขอเน้นว่า เวลาถอดขั้วแบตเตอรี่ ให้ ถอดขั้วลบก่อน แล้วตามด้วยขั้วบวก แต่เวลาใส่ขั้วแบตเตอรี่ ให้ใส่ขั้วบวกให้แน่นก่อน แล้วจึงใส่ขั้วลบ เมื่อประกอบขั้วสายแบตเตอรี่เรีบบร้อยแล้ว ให้ลองสตาร์ตเครื่องยนต์อีก หากเครื่องยนต์ไม่ติด แสดงว่าอาจมีความผิดปกติ ในส่วนอื่นของเครื่องยนต์ ซึ่งแนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการใกล้ ๆ บ้าน เพื่อขอคำแนะนำและการแก้ไขปัญหาต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์