หลังน้ำลดได้ไม่ถึงเดือน นอกจากเหล่าผู้ประสบภัยทั้งหลายจะมัววุ่นวายอยู่กับการซ่อมแซมบ้าน ยังต้องมาเหนื่อยใจเรื่องการเช็คสภาพเครื่องยนต์ของเราอีกบ้างจอดไว้นานนับเดือนไม่ได้ขับเลยจนฝุ่นเกาะ สตาร์ทไม่ติด บางคนซิ่งลุยน้ำท่วมบ่อยครั้งจนอาการไม่ค่อยสู้ดี เริ่มปรากฏให้เห็น ขณะที่อีกหลายคนเจอปัญหาหนักยิ่งกว่าใคร เพราะปล่อยให้รถจมน้ำเสียหายไปหลายคัน
วันนี้ เรามาดูวิธีดูแลรักษา-ซ่อมแซมรถยนต์หลังน้ำท่วมอย่างถูกวิธีกันเถอะ
เช็คความเสียหายเบื้องต้น ดูให้หมดทั้งภายใน ภายนอก เปิดฝากระโปรงเช็คเครื่องให้ครบ และถ้ารถมีประกันภัยชั้นหนึ่ง ก็อย่าลืมแจ้งประกันด้วย จะได้ผ่อนหนักเป็นเบาในเรื่องค่าใช้จ่ายในการซ่อม
อย่าสตาร์ทเครื่อง เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์แบบสุ่มสี่สุ่มห้าแล้ว อาจทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รถที่แช่น้ำนานๆ จะมีความชื้น เนื่องจากปัจจุบันมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งระบบเหล่านี้จมน้ำเพียง 5 นาที ก็เกิดความเสียหายได้
ส่งต่อให้ช่าง เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่เราต้องส่งสู่มือช่างชำนาญการให้ดำเนินการ โดยในการส่งรถที่รักไปซ่อมแซมความเสียหายนั้น ควรรายงานระดับน้ำที่รถคุณขับไปลุยน้ำมา เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบด้านต่างๆ ทำให้ช่างสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น
เปลี่ยนใหม่เสียให้หมด อย่างน้อยก็ควรต้องรู้บ้างว่าอะไรที่เสียหาย สิ่งแรกที่ต้องเปลี่ยน คือ “ กรองอากาศ ” เพราะขี้ผงจากน้ำนั้นจะเข้าไปติดอยู่ในส่วนนี้เสียมาก หัวเทียนที่จะเสื่อมสภาพจากสภาวะความชื้นอย่างต่อเนื่อง พวกเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมถึงถ่ายของเหลวทุกชนิด ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย อาจจะรวมถึงน้ำยาหม้อน้ำด้วย เพื่อความไม่ประมาท
กรณีช่วงล่าง โดยเฉพาะพวกลูกยางต่างๆ ที่ฝืดจากการโดนความชื้นในการแช่น้ำเป็นระยะเวลานานๆ ตามปกติแล้วรถที่โดนน้ำท่วมเป็นเวลานานๆนั้นจำเป็นต้องอัดจาระบีใหม่ เนื่องจากน้ำทำให้จาระบีเก่าเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะการอัดจาระบีเพลาขับ และลูกปืนล้อทั้ง 4 ล้อ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องสำคัญ ระบบเบรก โดยเฉพาะรถที่ใช้ระบบดิสเบรก อาจจะมีเศษผงเข้าไปติด ทำให้เบรกมีประสิทธิภาพลดลง และอาจจะกินจานเบรกได้ในระยะยาว ซึ่งกรณีนี้ต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันเบรกที่อาจจะมีการเสื่อมประสิทธิภาพด้วย
ระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่แล้วความเสียหายจากรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมนั้น มักจะเกิดขึ้นที่ระบบไฟฟ้าเสียมากกว่า ซึ่งประเด็นสำคัญก็ไม่พ้นการไล่ความชื้นในระบบ จำเป็นต้องให้ช่างเข้ามาจัดการ
กลิ่นไม่พึงประสงค์ น้ำที่มาจากน้ำท่วมนั้นเป็นน้ำที่ไม่ค่อยสะอาด ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งจะทำให้มีกลิ่นอับ ดังนั้นขั้นแรก คุณต้องอาศัยคาร์แคร์ต่างๆ ในการถอดพรมซักเบาะ และทุกอย่างให้เอี่ยมเร้เรไร เป็นไปได้ถือโอกาสล้างตู้แอร์ก็จะดีมาก เปลี่ยนน้ำยาแอร์เผื่อน้ำอาจจะซึมเข้าระบบ และที่สำคัญรถบางคันนั้นมีกรองแอร์อันนี้ต้องเปลี่ยนสถานเดียว
อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าควรส่งซ่อมที่ศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ แต่ถ้าจะซ่อมอู่ ก็ควรเลือกอู่ที่มีมาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญควบคุม
ข้อควรระวังเล็กๆน้อยๆ เกี่ยวกับการซื้อรถยนต์มือสองว่าเป็นรถที่ถูกน้ำท่วมหรือไม่ โปรดสังเกตดูว่าถ้าเปิดประตูรถเข้าไปจะได้กลิ่นอับในทันที ตรวจที่ระบบจ่ายไฟว่ามีความขัดข้องหรือไม่ เพราะรถยนต์ที่จมน้ำระบบจ่ายไฟจะมีสภาพไม่เหมือนก่อนจม สิ่งสุดท้ายที่ตรวจสอบได้ คือ ดูนอตขันเครื่องยนต์ว่าเป็นสนิมหรือไม่
งบประมาณในการดูแล เปลี่ยน จนถึงซ่อมแซมรถยนต์สุดที่รักนั้น เชื่อว่าน่าจะอักโขอยู่ไม่น้อย ผู้มีฐานะดีหน่อยก็อาจใช้วิธีซื้อใหม่ให้หมดปัญหาไปเสียเลย แต่สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อรถยนต์มือสองมาใช้ ก็ควรเช็คดูอย่างละเอียดรอบคอบ จะได้ไม่ถูกหลอก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์