สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

              นายธนานันต์ กาญจนคูหา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเซีย) จำกัด ปิดเผยว่าจากการเปิดตัว FOMM One รถไฟฟ้าจากแบตเตเอรี่ 100% ใน 2 จังหวัดคือ ภูเก็ตและขอนแก่นที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าให้ความสนใจอย่างมาก แต่ลูกค้ายังต้องการเวลาศึกษาและตัดสินใจการเลือกซื้อเพราะเป็นรถที่เป็นเซ็กเมนต์ใหม่ในตลาด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล้ำยุค ซึ่งนอกจากใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแล้ว รถคันนนี้จะเชื่อมต่อกับระบบอิรเตอร์เน็ตที่รู้จักกันในชื่อว่า Internet of Things อีกด้วย ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวในเมืองพัทยา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 11-17 กุมภาพันธ์  ณ ศูนย์แสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล พลาซ่า มารีน่า ภายใต้ความร่วมมือของ PEA Encom ซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายและเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยได้ร่วมกันจัดแคมเปญลดราคาพิเศษ เฉพาะในงานพร้อมกันนี้ ยังจัดรถให้ท่านผู้สนใจทดลองขับรถ EV FOMM One และร่วมกับกรุงศรีออโต้ จัดออกเบี้ยพิเศษดริ่มต้น  2.9% ผ่อนสูงสุดนาน 72 เดือน ให้แก่ลูกค้าจองรถในงาน โดย FOMM One เป็นรถนั่งส่วนบุคคลขนาดเล็กที่ขับเคลื่อนด้วยระบบพลังงานไฟฟ้า 100% ออกแบบโดยทีมงานวิศวกรชาวญี่ปุ่น โดย นายฮิเดโอะ ชูรุมากิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด และลงทุนเปิดสายการผลิตรุ่นแรกในประเทศไทยด้านเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในประเภทการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่เรียกว่า ‘Micro-Fab’ อันเป็นเทคโนโลยีการผลิตรถไฟฟ้า เป็นการคิดค้นโดยวิศวกรของ FOMM เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ในการผลิตรถยนต์ ซึ่งรถรุ่นนี้แม้จะมีขนาดเล็กกระทัดรัด แต่สามารถรองรับได้ถึง 4 ที่นั่ง และไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดจากประเทญี่ปุ่นคือ In-Wheel Motor สามารถชาร์จไฟฟ้าจากระบบภายในบ้านเพียง 6 ชั่วโมง (0-100%) คิดเป็นค่าใช้จ่าย 42 บาท วิ่งได้ไกล 160 กิโลเมตร (WLTC) ปัจจุบันมีผู้สนใจสั่งจองรถ FOMM One แล้ว 616 คัน คาดว่าจะสามารถส่งมอบรถคันแรกได้ประมาณปลายเดืทอนมีนาคม 2562 นี้ โดยมีสีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีส้ม สีขาว สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน สีชมพู และสีขียว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562

                     บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) สานต่อโครงการพัฒนาสู่มาตรฐานความป็นเลิศจัดสัมมนาเชิงปฎิบัติการ หลักสูตร “เทคโนโลยียานยนต์อีซูซุ” รุ่นที่ 19-20 พร้อมมอบชุดเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ และอุปกรณ์เพื่อการส่งเสริมการเรียน-การสอนอันทันสมัยให้แก่สถานศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยได้รับเกียรติจาก มร.โทชิอากิ มาเอคาะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด และ ดร. บุญส่ง จำปาโพธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบประกานียบัตรให้แก่คณาจารย์จากสถาบัน อาชีวศึกษาต่างๆ ที่ผ่านอบรม โทชิอากิ มาเอคาวะ ประธานกรรมการมูลนิธิกลุ่มอีซูซุ และกรรมการผู้จัดการบริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลล์ จำกัด เปิดเผยว่า กว่า 6 ทศวรรษ ที่อีซูซุ ได้ดำเนินงานตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของอีซูซุที่เรียกว่า “วิถีอีซูซุ” นั่นคือ ผู้ใช้สุขใจเพิ่มพูลรายได้ ช่วยให้สังคมพัฒนา โดยได้ริเริ่มและสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา เพราะเชื่อว่าการศึกษาคือรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมาอีซูซุได้ร่วมมือกับสำนักงานาคณะกรรมการอาชีวศึกษาในการพัฒนาบุคคลากรของอาชีวะมายาวนาน ผ่านโครงการต่างๆ ในหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์การเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ สนับสนุนโดยอีซูซุ 12 แห่ง สื่อการเรียนการสอนคอมพิวเตอร์ มัลติมิเดีย รวมถึงการมอบสื่อการเรียนให้แก่วิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศไทย ดังนั้นการสร้างพื้นฐานทางการเรียนรู้อย่างบูรณาการ อีซูซุจึงผลักดันให้มีการจัดอบรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการ ในหลักสูตร “เทคโนโลยียายนต์อีซูซุ” ขึ้น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการสร้างเสริมและต่อยอดความรู้ด้านเทคโนโลยียานยนต์จากอีซูซุไปสู่สังคมโดยรวม โดยมีบุคคลในสังกัด สอศ. เป็นกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงความรู้เหล่านั้นไปสู่นักเรียน นักศึกษา ในสายสาขาวิชาชีพ ซึ่งอีซูซุหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดอบรมดังกล่าว จะช่วงเสริมสร้างศักยภาพให้กับนักเรียนนักศึกษา เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562

                สแกนเนีย เสริมความแข็งเกร่งตลาดไทย-เอเชีย ผุดโรงงานประกอบรถบรรทุกในประเทศไทย มูลค่า 800 ล้านบาท ระบุเป็นการลงทุนใหญ่สุดนอกยุโรป-ละติน อเมริกา พร้อมเปิดตัวรถยูโร 6 ชูจุดขายประหยัด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นายกุสต๊าฟ ชันเดล กรรมการผู้จัดการ สแกนเนีย กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า สแกนเนียเปิดโรงงานใหม่ในประเทศไทย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทั้งตลาดในประเทศเอเซีย โดยโรงงานใหม่ตั้งอยู่ในเขตการค้าเสรีกรุงเทพ รองรับการประกอบรถบรรทุก และแชสซีส์รถโดยสารรวมไปถึงสามารถทำการผลิตรถเก๋ง รถบรรทุกใช้งบประมาณ 800 ล้านบาท เป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในสายงานการผลิตของสแกนเนียที่ดำเนินกิจการนอกทวีปยุโรปและละตินอเมริกา “การจัดตั้งโรงงานใหม่นี้เป็นความร่วมมือจากซับพลายเออร์ในประเทศสแกนเนีย สามารถสร้างรถบรรทุกและรถโดยสาร ได้ตามมาตรฐานระดับโลกโดยฝีมือคนไทย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับการเติบโตของเรา ในเขตการค้าเสรีอาเซียนเพราะการมีถิ่นฐานในภูมิภาคนี้ทำให้สามรถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้ำด้อย่างรวดเร็ว และทำให้แน่ใจว่าเราจัดหาโซลูชั่นการขนส่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า นอกจากนี้สำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่ก่อตั้งขึ้นในไทยยังสามารถสนับสนุนและพัฒนาธุรกิจให้กับตัวแทนจำหน่ายของสแกนเนียในเอเชียและโอเชียเนีย นายซันเดล กล่าวว่านอกจากนี้ สแกนเนียยังเปิดตัวรถบรรทุกขนาดใหญ่ มาตรฐานยูโร 6 รุ่นแรกของไทย ซึ่งสามารถช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้มาก และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพอากาศโดยรถรุ่นนี้ได้เข้าสู่ตลาดยุโรปตั้งแต่เดือน ส.ค. 2559 และได้รับการายอมรับจากสื่อมวลชน ยืนยันผลการทดสอบคุณภาพ ด้วยรางวัลรถบรรทุกยอดเยี่ยนานาชาติแห่งปี รถบรรทุกรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ หากยังเป็นเหมือนเครื่องมือพิเศษในรูปแบบของโซลูชั่นสินค้าและบริการที่ยังยืนอย่างครบวงจร โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ลูกค้าของเรามีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืนในธุรกิจ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562