ที่มา : หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 22 เมษายน 2562
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลล์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2561 มาสด้าประบความสำเร็จด้านการดำเนินธุรกิจของมาสด้าปีงบประมาณ 2018 มียอดขายสูงถึง 70,468 คัน เติบโต 25% จากปีงบประมาณ 2017 อยู่ที่ 56,379 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 6.6% สูงสุดเป็นอันดับสองรองจากออสเตรเลีย วันนี้มาสด้าประเทศไทย ถูกจับตามองจากตลาดทั่วโลกเนื่องจากอัตราการเติบโตสูงสุดในโลกสองปีติดต่อกัน ที่สำคัญปริมาณยอดขายเกิน 70,000 คัน ส่งผลให้ มาสด้า ประเทศไทย ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 6 ของมาสด้าทั่วโลก ส่วนปี 2019 มาสด้าตั้งเป้าไว้ที่ 75,00 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% นายชาญชัยกล่าวว่า รถยนต์นั่งมาสด้า 2 ยังคงเป็นพระเอกในการขับเคลื่อนหลัก ได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุด มียอดขายสูงถึง 48,119 คัน เพิ่มขึ้น 36% ครองเบอร์หนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก 11 เดือนติดต่อกัน ขณะที่รถปิกอัพ มาสด้า บีที 50 โปร เริ่มกลับมาได้รับคามนิยมอีกครั้งหลังจากปล่อยรุ่นพิเศษ มาสด้า บีที 50 โปร ธันเดอร์ ออกสู่ตลาด ด้วยยอดขายสูงถึง 7,500 คัน เติบโต 29% รวมทั้งรถอเนกประสงค์เอสยูวีมาสด้า CX-5 มียอดขาย 6,834 คัน เพิ่มขึ้น 7% ตามมาด้วยรถเก๋งคอมแพกคาร์มาสด้า 3 มียอดขาย 4,852 คัน ส่วรนฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ มาสด้า CX-3 ทำยอดขายได้ 3,132 คันและรถสปอร์ตเปิดประทุนหลังคาไฟฟ้าที่เปิด – ปิดเร็วที่สุดในโลก มาสด้า MX-5 มียอดขาย 31 คัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 19 เมษายน 2562
นิสสัน เดินหน้าสร้างการรับรู้ให้รถพลังงานไฟฟ้า “อีวี” และข้อดีของการซื้อ “ลีฟ” มาใช้งาน ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ สมถรรนะ ต้นทุนต่อหน่วยงานวิ่งต่ำรวมถึงการนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมล่าสุดเผยผลวิจัยมลพิษทางเสียงจากการจราจร พบว่าเมืองใหญ่ในเอเชียรวมถึงกรุงเทพฯ มีระดับเสียงรบกวนสูงกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า มลพิษทางเสียงการจราจรกลายเป็นภัยคุกคามอันดับททื่ 2 ต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนนิสสันเอเชียและโอเชียเนียได้เผยแพร่ผลศึกษามลพิษทางเสียงที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึง ซึ่งการใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่กำลังเพิ่มขึ้นนี้ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) การได้รับมลพิษทางเสียงในระยะยาว จากการจราจรที่สูงกว่า 53 เดซิเบล (dB) อาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเช่น โรค ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ การสูญเสียการได้ยิน หรือแม้กระทั่งภาวะหัวใจวาย ซึ่งระดับเสียงรบกวนที่เกิดขึ้น ทั่วทั้งเอเชียและเมืองใหญ่ของโคเอเชียอย่างกรุงเทพฯ,โฮจิมินห์ซิตี้,จาการ์ตา,ฮ่องกง,มะนิลา,เมลเบิร์น,สิงคโปร์ และโซล โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 76 เดซิเบลหรือเกือบ 4 เท่าของระดับเสียงที่เหมาะสม เสียงที่รบกวนเหล่านี้ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยในเมืองเมื่อเวลาผ่านไปและเทียบเท่ากับเสียงนาฬิกาปลุกเสียงเรียกเข้า (ประมาณ 80 เดซิเบล) ในทางกลับกันระดับมลพิษทางเสียงที่ลดลงจะสามารถลดความรู้สึกหงุดหงิดบนท้องถนน เพิ่มประสิทธิภาพด้านการรับรู้ และให้ผลดีหลายด้านเพิ่มมากขึ้น นิสสันวัดและเปรียบเทียบเสียงของถนนทั่วเมืองทั่วไป กับถนนที่มีระดับเสียงจากรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยใช้เครื่องวัดระดับเสียง ผลลัพธ์แสดงระดับเสียงรบกวนบนท้องถนนทั่วไปสูงสุดที่ 90 เดซิเบลเมื่อเทียบกับเสียงที่เกิดจากรถยนต์ไฟฟ้า อย่างนิสสัน ลีฟ เกิดเสียงดังเพียง 21 เดซิเบลหรือมีความเงียบกว่าห้องสมุด (ประมาณ 30 เดซิเบล) และเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของเสียงที่มาจากเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซล ที่ประมาณ 76 เดซิเบลรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดมลพิษเสียงจากจราจรได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2562