สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

       จากงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 27 ซึ่งจัดขึ้นที่ ศูนย์ประชุม BITEC ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 24 มีนาคม-2 เมษายน พ.ศ. 2549 นี้นั้น ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมงานเช่นเดียวกับหลายๆปีที่ผ่านมา และพบว่าบรรยากาศภายในงานก็มีผู้เข้าเยี่ยมชมคึกคักเช่นเดิม อย่างไรก็ตามในปีนี้ผู้เขียนเห็นว่า บริษัทรถยนต์ต่างๆได้มีการจัดแสดงเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ๆยังไม่ค่อยมากเท่า ที่ควร อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่มีการจัดแสดงในงานที่ผู้เขียนเห็นว่าน่าสนใจ ก็ช่วยเพิ่มสีสันภายในงานไม่น้อย อาทิ โตโยต้า Fine T ซึ่งเป็นยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขับเคลื่อนโดยก้อนเชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack)ที่มีขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง โดยแนวความคิดของรถรุ่นนี้จะเน้นการใช้วัตถุดิบต่างๆจากธรรมชาติ และนำระบบ Drive-by-wire(ไร้สาย) มาเชื่อมโยงกับระบบการควบคุมต่างๆรวมถึงการนำเทคโนโลยี ITS มาร่วมใช้ด้วย รถรุ่นต่อมาคือโตโยต้า I-Swing ซึ่งได้ถูกออกแบบตามแนวความคิดของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับยานพาหนะเป็น หลัก รวมถึงการปฎิสัมพันธ์เป็นสังคมเดียวกัน รวมถึงการเรียนรู้พฤติกรรมเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ขับขี่ด้วย สำหรับรถยนต์ Honda FCX ที่นำมาแสดงก็จัดได้ว่าเป็นรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงที่ถูกพัฒนาให้มีสมรรถนะ สูงสามารถนำไปใช้งานจริงบนท้องถนนซึ่งนอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีความโดดเด่นในด้านการประหยัดพื้นที่ ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ผลิตกำลังได้ถึง 100 กิโลวัตต์ และสามารถถ่ายทอดแรงบิดรวมถึงการบังคับรถได้อย่างยอดเยี่ยมด้วย

 

       รวมถึงในงานดังกล่าวยังได้จัดแสดงรถยนต์ที่ได้รับชนะเลิศจากการประกวด TSAE Auto challenge 2548 ของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทยด้วย และผู้เขียนขอแสดงความยินดีกับชมรมยานยนต์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังที่ได้รับรางถึงสองรางวัล คือวัลชนะเลิศ และรางวัลรองชนะเลิศ ในการวิจัย ออกแบบ และพัฒนายานยนต์ใช้พลังงานทดแทนด้วย (โดยชมรมดังกล่าวมี ผศ.ดร. จินดา เจริญพรพาณิช อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม) รวมถึงขอสนับสนุนกิจกรรมดีๆอย่างนี้ของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ไทยต่อไปด้วย ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝัง และพัฒนาเยาวชนในการด้านวิจัยและพัฒนายานยนต์ของประเทศต่อไป

 

       อย่างไรก็ตามในบทความนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงรายละเอียดของเทคโนโลยีรถ Mitsubishi In-wheel Motor Electric Vehicle(MIEV) ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ที่ได้นำมาแสดงในงานดังกล่าวด้วยซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นหนึ่งใน เทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก และเห็นว่าท่านผู้อ่านหลายท่านก็คงสนใจเช่นเดียวกัน โดยรถดังกล่าวได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็น เจเนอเรชั่นแห่งอนาคตของรถไฟฟ้า (next-generation EVs) และเป็นยานยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน โดยรถรุ่นแรกที่ถูกพัฒนาในเรื่องดังกล่าวคือรุ่น Colt EVที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ในล้อหลัง ผสานการทำงานกับ แบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion โดยบริษัทฯได้พัฒนาต่อเนื่องกันมากว่าหลายปีแล้ว และเทคโนโลยีนี้ยังสามารถนำไปสู่การต่อยอดเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด ( Hybrid Electric Vehicle )และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Vehicle) ได้อีกด้วย

 

       เทคโนโลยี MIEV นี้จะมีการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าในล้อ ทำให้เกิดทอร์กในการขับเคลื่อน และแรงเบรกแยกเป็นอิสระในแต่ละล้อ โดยปราศจากความต้องการในชิ้นส่วนด้านการส่งถ่ายกำลัง (Any transmission) เพลาขับ (drive shaft) หรือ ชิ้นส่วนที่ซับซ้อนอย่างอื่น (Complex mechanical components) ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้ MIEVเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง และสามารถลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้มาก

 

        การที่มีการติดตั้งระบบขับเคลื่อนภายในล้อทำให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับ การติดตั้งชิ้นส่วนอื่นเช่น ระบบแบตเตอรี่(Battery System) เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel cell stacks) และ ถังไฮโดรเจน (hydrogen tanks) ในกรณีที่ใช้ในรถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Vehicle) สำหรับเทคโนโลยี Lithium-ion แบตเตอรี่นั้นได้รับการพัฒนาจนมี พลังงานที่มากขึ้น กำลังที่มากขึ้น และมีอายุการใช้งานที่มากขึ้นด้วย และที่กล่าวมาทำให้ส่งผลที่ดีต่อความเร็วสูงสุดที่มากขึ้น และเพิ่มระยะเวลาในการขับขี่ให้ยาวนานขึ้น และสามารถลดน้ำหนักได้มากขึ้นด้วย

 

        อย่างไรก็ตามบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ได้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวโดยใช้รถรุ่น Lancer Evolution MIEVเป็นรถทดสอบคันที่สองต่อจาก Colt EV โดยรถรุ่นนี้เป็นรถ MIEV ที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมอเตอร์มีกำลังสูงสุด 50 kW และ ออกแบบโดยใช้โครงสร้าง “a hollow doughnut construction” ให้ตำแหน่งโรเตอร์ (Rotor) อยู่ด้านนอกสเตเตอร์ (Stator) ซึ่งจะแตกต่างไปจากรถ MIEV รุ่น Colt ซึ่งจะมีโรเตอร์หมุนอยู่ภายในสเตเตอร์การออกแบบดังกล่าวทำให้เกิดผลดีในด้าน การให้กำลังและทอร์กที่มากขึ้นรวมถึงทำให้ตัวลดความเร็ว (Speed Reducer) ไม่มีความจำเป็นซึ่งเป็นผลให้ลดการสูญเสียพลังงานและง่ายต่อการติดตั้งใน ล้อ(Wheel House) ได้อีกด้วย นอกจากนี้โครงสร้าง“a hollow doughnut construction” ดังกล่าวยังทำให้เกิดพื้นที่ว่างบริเวณตรงกลางของมอเตอร์ไว้สำหรับติดตั้ง ชุดเบรคและชิ้นส่วนอื่นได้อีกด้วย

 

       นอกจากบริษัทฯได้ติดตั้งระบบ MIEV ในรถ 2 รุ่นดังกล่าวแล้วบริษัทฯยังได้ประสบความสำเร็จในรุ่นอื่นๆด้วยคือ Lancer Evolution, Pajero and other 4WD models และบริษัทฯมีแผนในการวางตลาดรถ MIEVในปี พ.ศ. 2553 ด้วย

 

       สำหรับผู้เขียนเองแล้วเทคโนโลยี MIEV ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มีความน่าสนใจไม่น้อย และน่าจะเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สามารถนำมาผสานกับระบบรถยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) หรือ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Vehicle) ที่ใช้แบตเตอรี่ขับเคลื่อนได้อย่างลงตัว เพื่อเป็นพลังงานทดแทนในอนาคตได้

 

       เขียนโดย ธนวัฒน์ บุญประดิษฐ์
       แผนก วิศวกรรมยานยนต์/สถาบันยานยนต์

 

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th