ช่วงนี้ยังมีฝนตกเกือบทุกวันครับ สนทนาจราจรจึงยังมีข้อแนะนำเกี่ยวกับการขับรถลุยฝนอย่างปลอดภัยมานำเสนออีกครับ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยแจ้งเตือนมาว่า ฤดูฝนเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ เนื่องจากถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในกสนมองเห็นไม่ดีเพื่อความปลอดภัย จึงขอแนะนำวิธีป้องกันอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆที่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ดังนี้
1. รถชนท้ายหรือเฉี่ยวชน เกิดจากการขับรถตามรถคันหน้ากระชั้นชิดเกินไป เมื่อถนนเปียกและรถคันหน้าเบรกกะทันหันทำให้ไม่สามารถหยุดรถทัน เพื่อความปลอดภัยจึงไม่ควรขับรถเกิน 60 กม./ชั่วโมง ไม่ขับจี้ท้ายรถคันหน้า ไม่หยุดหรือเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันและต้องให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเปลี่ยนช่องทาง
2. รถหลุดโค้ง เกิดจากการใช้ความเร็วสูงขณะเข้าโค้ง ทำให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถให้อยู่ในเส้นทางได้เพื่อความปลอดภัย ควรลดความเร็วให้อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมรถและให้สัมพันธ์กับสภาพถนน ไม่เหยียบเบรกหรือปลดเกียร์ว่างขณะเข้าโค้ง เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยงจนทำให้รถหลุดหรือแหกโค้ง
กรณีรถไถลออกนอกเส้นทางอย่าหักพวงมาลัยกะทันหัน ให้แตะเบรกเบาๆจับพวงมาลัยให้มั่น เพื่อประคองรถกลับเข้าช่องทางเดิม
3. รถพลิกคว่ำ เกิดจากการขับรถด้วยความเร็วสูงและเบรกกะทันหัน ประกอบกับยางและเบรกไม่อยู่ในสภาพใช้การได้ดี ทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำ ผู้ขับขี่จึงควรตรวจสอบยางและเบรกให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ขับรถด้วยความเร็วปกติ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน ให้แตะเบรกเบาๆแบบถี่ๆ เพื่อชะลอความเร็ว จะป้องกันรถพลิกคว่ำได้
4. รถเหินน้ำ เกิดจากขับรถผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำท่วมขัง ทำให้ยางรถไม่สามารถไล่น้ำออกจากหน้าสัมผัสได้ทันท่วงที ส่งผลให้ยางหมุนและลอยอยู่บนน้ำ รถลื่นไถลไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ กรณีดังกล่าวป้องกันโดยเมื่อขับรถผ่านที่ที่มีน้ำขัง หากรถเสียหลักไม่ควรเบรกกะทันหันให้ลดความเร็ว และใช้เกียร์ต่ำจนกว่ารถจะทรงตัวได้ดี
ข้อแนะนำ การขับรถในช่วงหน้าฝนควรเพิ่มแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว และให้ตรวจสอบดอกยาง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการลื่นไถลซึ่งเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรง.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ