โตโยต้าทำกำไรในช่วงไตรมาตรสามเพิ่มขึ้น 0.4% ยอดขายในเอเชียซึ่งรวมถึงจีนยังคงเพิ่มขึ้น ช่วยชดเชยยอดขายที่ลดลงในอเมริกาเหนือได้ ในทางกลับกัน สงครามการค้าทำกำไรไตรมาตรสี่ของเมอร์เซเดส - เบนซ์ ร่วงถึง 22% แม้ว่ายังคงเป็นแบรนด์รถหรูที่มียอดขายมากที่สุดในปีที่ผ่านมา บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ แถลงเมื่อวันพุธว่ากำไรจากการดำเนินงานในช่วงไตรมาสสามเพิ่มขึ้น 0.4% เป็น 676,100 ล้านเยน หรือ 6,160 ล้านดอลลาร์ จาก 673,640 ล้านเยนในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายในเอเซียซึ่งรวมถึงจีนยังคงเพิ่มขึ้น จึงช่วยชดเชยยอดขายในอเมิกาเหนือ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของบริษัทได้ ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ 10 คนที่เรฟินิทีฟได้รวบรวมประมาณการมา คาดการณ์โดยเฉลี่ยว่าโตโยต้าจะมีกำไร 680,840 ล้านเยน โตโยต้าได้ลดปราณการกำไรสุทธิของปีนี้ทั้งปี เหลือ 1.87 ล้านล้านเยน จากเดิมประมาณการไว้ 2.3 ล้านล้านเยน แต่ได้คงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีไว้ที่ 2.4 ล้านล้านเยนเช่นเดิม ในทางกลับกัน บริษัทเดมเลอร์ เอจี เจ้าของแบรนด์รถยนต์เมอร์เซเดส- เบนซ์ แถลงว่า กำไรจากการดำเนินการในช่วงไตรมาสสี่ลดลงถึง 22% เนื่องจากสงครามการค้าและการลงทุนในการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับและรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อกำไรของรถยนต์เมอร์เซเดส – เบนซ์ กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย (EBIT) ลดลงเหลือ 2.670 ล้านยูโร หรือ 3,040 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสสี่ ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งอยู่ที่ 2,920 ล้านยูโรมาก เมอร์เซเดส – เบนซ์ แถลงว่าว่าการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐที่ส่งไปยังจีนและการหยุดส่งมอบรถยนต์ดีเซล ส่งผลกระทบต่อดีมานด์ และส่งกระทบให้ราคารถยนต์ดีเซลต่ำลง ผลตอบแทนจากยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส – เบนซ์ ลดลงเหลือ 7.3% ในช่วงไตรมาสสี่ จาก 9.5% ในช่วงปีก่อนหน้า สำหรับปี 2562 บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขาย รายได้กำไรก่อนหักภาษี และดอกเบี้ย จะโตเล็กน้อยโดยคาดว่าผลตอบแทนจากยอดขายรถเก๋งเมอร์เซเดส – เบนซ์ จะอยู่ระหว่าง 6-8% ในขณะที่ผลตอบแทนยอดขายของรถแวนเมอร์เซเดส – เบนซ์อยู่ระหว่าง 5-7% ดีเตอร์ เซตเตอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเดมเลอร์ กล่าวว่า ประมาณการยอดขายรถยนต์และรถแวน เมอร์เซเดส – เบนซ์ ต่ำกว่าเป้าหมายในระยะยาว บริษัทไม่สามารถพอใจกับการประมาณการนี้ได้ และตั้งเป้าที่จะทำให้มีกำไรระหว่าง 8-10% ภายในปี 2564 อย่างไรก็ดี เมอร์เซเดส – เบนซ์ยังคงเป็นแบรนด์รถยนต์หรูที่มียอดขายมากสุดในปีที่ผ่านมา โดยยอดขายมากสุดในปีที่ผ่านมา โดยยอดขายรถยนต์ใหม่อยู่ที่ 2.31 ล้านคัน ตามาด้วยบีเอ็มดับเบิ้ลยูมียอดขาย 2.12 ล้านคัน และออดี้มียอดขายรถยนต์ใหม่ 1.81 ล้านคันในปีที่ผ่านมา
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562
ครม.เคาะปัญหาฝุ่น 3 ระยะ เผย 11 หน่วยงานเกาะติดแก้ปัญหา ชงขึ้นภาษีรถยนต์เก่า ห้ามนำเข้าเครื่องยนต์เก่าจากต่างประเทศ ลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า หนุนแผนผลิตน้ำมันยูโร 5 นายกฯเผย 600 โรงงานหยุดปรับปรุง รับมือฝุ่นอีกระลอกวันนี้ “ปตท.-บางจาก” นำร่องลดดีเซลพรีเมียม 1 บาท สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆนำมาสู่การออกมาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึง 11 หน่วยงานเพื่อแก้ปัญหาตั้งแต่ระยะสั้นถึงระยะยาว รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลระบุว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก มีแนวโน้มสูงขึ้นและเกินมาตรฐานหลายพื้นที่ โดยมีแนวทางการปฎิบัติ 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นเตรียมการ(ช่วงดก่อนเกิดสถานการณ์ : ก.ย. – พ.ย. ) เพื่อพร้อมรับมือเมื่อฝุ่นละอองสูงขึ้น ขั้นปฎิบัติการ (ช่วงเกิดสถานการณ์ : ธ.ค. – เม.ย.) ซึ่งได้ปรับปรุงแผนปฎิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและจังหวัดต่างๆ โดยยกระดับความเข่มข้นของมาตรการตามความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นละออง รวมถึงปรับเปลี่ยนใช้น้ำมัน B20 ในรถโดยสารดีเซล และเร่งผลิตน้ำมันดีเซลเทียบเท่ามตรฐานยูโร 5 (กำมะถัน ไม่เกิน 10 พีพีเอ็ม) มาจำหน่ายในพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงงดกิจกรรมที่ส่งผลทำให้เกิดฝุ่นละออง ห้ามเผาในที่โล่งแจ้ง ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด ห้ามรถยนต์ที่มีมลพิษสูงสัญจรในกรุงเทพฯชั้นกลางและชั้นนอก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562
“บ้านปู” ลุยธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทุ่ม 635 ล้าน เข้าถือหุ้น 21.5% ใน “ฟอมม์ คอร์ปอเรชั่น” หวังขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ถาคเอกชน เริ่มขยายธุรกิจแตกไลน์ลุยตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยก่อนหน้านี้ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอีวีสกูดเตอร์ ช่วยลดมลพิษ ล่าสุด บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ส่งบริษัทย่อยซื้อหุ้นในบริษัท ฟอมม์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ออกแบบและผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Compact EV) จากประเทศญี่ปุ่นมูลค่าลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 635 ล้านบาท นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ได้กล่าวว่า บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด (BPIN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ลงนามสัญญาเพื่อเข้าซื้อหุ้นจำนวน 21.5% ในฟอมม์ คอร์ปอเรชั่น การลงทุนครั้งนี้เป็นการขยายการลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดที่ทันสมัยในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกหนึ่งโซลูชั่นที่บริษัทได้ศึกษา และเชื่อว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตได้ดีถือเป็นการต่อยอดธุรกิจจากการลงทุนในบริษัทผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และเป็นการต่อยอดความพร้อมในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้อย่างสมบูรณ์ในอนาคต นอกจากการลงทุนดังกล่าวแล้วหน่วยงาน BANPU Innovation & Ventures หรือ BIV ซึ่งกลุ่มบ้านปูได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรองรับรูปแบบการใช้พลังงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดดยได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือระหว่างกันในการถ่ายทอดวิทยาการ ความรู้ต่างๆโดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาและการลงทุนในธุรกิจ โรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power plants) , การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Micro-grids), รถยนต์ไฟฟ้า (EV), สถานีชาร์จรถไฟฟ้า และแบตเตอรี่ ซึ่งภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าว ยานพาหนะไฟฟ้าภายใต้การพัฒนาของ FOMM ได้มีการใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไออน ที่พัฒาและผลิตโดยบริษัท Durapower Technology (Singapore) Pte.Ltd. ซึ่งบ้านปูเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น 47.68%
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562