China is ordering carmakers to conduct checks on electric vehicles after some made by Tesla Inc. and Nio Inc. caught on fire, spurring anxiety over the safety of battery-powered automobiles.Companies need to check for potential safety hazards with battery boxes, waterproof protection in vehicles, high-voltage wiring harnesses, as well as onboard charging devices, the country’s industry and technology ministry said in a statement posted on its website. Automakers need to submit their findings by the end of October.The order comes after a run of fires involving EVs in what is the world’s biggest market for the new technology. Nio -- a Nasdaq-listed electric car startup from Beijing with aspirations to rival Tesla -- said Friday one of its ES8 crossovers caught fire, the third time in about two months the model has been involved in an incident. Tesla said it was investigating after video of one of its cars bursting into flames in Shanghai spread on Chinese social media in April. Weeks later, there were reports of a Tesla Model S combusting in Hong Kong.
ประเทศไทยผลิตรถยนต์ 5 เดือน เฉียด 9 แสนคัน ส่งออกมากกว่าครึ่ง กวาดเม็ดงินเข้าประเทศมากกว่า 3.3 แสนล้าน หดตัวลงเกือบ 6% ปลื้มส่งออกตลาดอาเซียนยังโตสวนทางตลาดอื่น นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยผลิตรถยนต์ 5 เดือน ( ม.ค.-พ.ค.) 2562 มีจำนวนทั้งสิ้น 893,067 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 2.94% และจักรยานยนต์ 5 เดือน (มกราคม-พฤษภาคม 2562) มีจำนวนทั้งสิ้น 1,053,969 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.48% ทั้งนี้ ตลาดส่งออก 5 เดือน รถยนต์ผลิตเพื่อส่งออกได้ 473,268 คัน คิดเป็น 52.99% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันปีที่แล้ว 0.71% มีมูลค่าการส่งออก 233,850.62 ล้านบาท ลดลง 3.27% เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 13,424.32 ล้านบาท ลดลง 12.8% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 80,767.07 ล้านบาท ลดลง 7.53% อะไหล่รถยนต์มีมูลค่าการส่งออก 9,930.19 ล้านบาท ลดลง 22.1% รวมมูลค่าส่งออก 5 เดือน (เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 337,972.20 ล้านบาท ลดลง 5.39%) เฉพาะเดือน พ.ค. ส่งออกลดลงเกือยทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 17 มิถุนายน 2562
รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วจากปี 2015 มียอดขาย 1 ล้านคันทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคันในปี 2018 ขณะที่งานวิจัยประจำปี 2019 ของ BloombergNEF (BNEF) คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มเป็น 30 ล้านคัน การวิจัยดดย Bloomberg New Energy Finance (BNEF) ประจำปี 2019 เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ระบุว่า จีน จะครองแชมป์ผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าและผู้ใช้งานรายใหญ่ จากการเติบโตเกือบ 8% ในไตรมาส 4 ของปี 2018 และมีถึง 6 เมืองในจีน จากทั้งหมด 11 เมืองทั่วโลก (ยกเว้นสหรัฐอเมริกา) ที่มีผู้ซื้อรถยนต์อีวีมากขึ้นชัดเจน นอกจากนี้ ยังประเมินว่าจีนจะครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 48% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2025 แต่จะลดเหลือ 26% ในปี 2040 เนื่องจากประเทศอื่นจะตีตื้นขึ้นมาโดยเฉพาะ ยุโรป ที่คาดว่าจะแซงหน้าสหรัฐ และครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก ในระหว่างปี 2020-2029 BNEF ได้ปรับเพิ่มประมาณการรถยนต์ไฟฟ้าที่จะวิ่งบนท้องถนนเป็น 57% ภายในปี 2040 ทั้งระบุด้วยว่ายอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลอีวีจะเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านคันในปี 2018 เป็น 28 ล้านคันในปี 2030 ส่วนยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลแบบดั้งเดิมจะลดลงเหลือ 42 ล้านคันในอีก 21 ปีข้างหน้า สำหรับรถบัสโดยสาร คาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดราว 81% ของรถบัสที่ใช้ในเขตเมืองทั่วโลกภายในปี 2040
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 17 มิถุนายน 2562