สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

           ปลื้มเอกชนฝรั่งเศสสนใจลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในไทย เตรียมชวนลงพื้นที่อีอีซี ลุยจัดงานชี้แจงโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุน    25มิ.ย.61 นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการร่วมหารือกับคณะเอกชนไทยในฝรั่งเศส ณ โรงแรม Westin กรุงปารีส เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า    ฝรั่งเศสมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลก มีเงินลงทุนทั่วโลกประมาณ 52,000 ล้านยูโร นับเป็นประเทศที่มีแหล่งเงินทุนเป็นอันดับต้นๆ ของโลก นอกจากนี้ ยังมีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีและวิทยาการหลายด้าน อาทิ การบิน การขนส่งระบบราง และพลังงานทดแทน ที่สำคัญคือสัดส่วนการลงทุนของฝรั่งเศสในทวีปเอเชียยังมีสัดส่วนที่น้อยเพียงร้อยละ 7.6 โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงในประเทศไทยที่มีมูลค่าเพียง 228 ล้านยูโร จึงนับเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงและชักจูงนักลงทุนฝรั่งเศสไปลงทุนในไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี เป็นการเปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสได้เป็นผู้เล่นรายใหม่ในภูมิภาค รวมถึงอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง CLMV ผ่านความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ACMECS และ อาเซียน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ไทยโพสต์ วันที่ 25  มิถุนายน  2561

 

   The U.S. government released two lists of products covered by $50 billion worth of tariffs on Chinese imports, including autos and parts purchased by suppliers for domestic production of automobiles.  The 25 percent tariffs, detailed Friday, are an attempt to stop China from forcing foreign companies to transfer technology to joint venture partners, and also an attempt to deter cybertheft of intellectual property by Chinese government and companies. China quickly retaliated with tariffs on 659 U.S. imports, worth $50 billion, including U.S. light vehicles, farm goods and other products. About $34 billion of those tariffs will take effect on July 6, on agricultural products.

ที่มา : www.autonew.com วันที่ 22  มิถุนายน 2561

 

         ผู้ผลิตจีนเล็งตั้งฐานในเมียนมา ขณะที่สงครามการค้าระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจกำลังระอุในขณะนี้ นายถั่น อ่อง จ่อ รองอธิบดีกรมบริหารการลงทุนและบริษัทเมียนมา(ดีไอซีเอ) เผยกับสำนักข่าวเมียนมา ไทม์ส นอกรอบงานสัมมนา ในนครย่างกุ้งว่า เมียนมาพร้อมรับผลพลอยได้จากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ และขณะนี้ กลุ่มทุนจีนมีความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะเข้ามาตั้งโรงงานและ ฐานการผลิตในประเทศ นับตั้งแต่สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้า 25% กับผลิตภัณฑ์จีน มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนนี้  "ธุรกิจจีนหลายรายได้สอบถามเรา เกี่ยวกับการลงทุนและการตั้งฐานในประเทศ" นายถั่น กล่าวและว่า "จีนต้องการย้ายฐานการผลิตของตนมายังเมียนมา ส่วนใหญ่ต้องการตั้งฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษทิละวา ซึ่งมีการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าและการขนส่งที่จำเป็น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการทำธุรกิจ"  รองอธิบดีดีไอซีเอ เสริมว่า เมียนมา ควรเตรียมพร้อมตอบสนองความต้องการเหล่านี้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นโอกาสทองสำหรับประเทศในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ)  ด้านนายฉ่วย เฮง เลขาธิการคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษทิละวา กล่าวว่า หวังที่จะดึงดูดบริษัทจีนเข้ามามากขึ้น เนื่องจากสามารถถ่ายทอดโนว์ฮาวด้านเทคโนโลยีให้กับบรรดาธุรกิจท้องถิ่นได้  ข้อมูลล่าสุดของดีไอซีเอ ระบุว่า ใน 94 บริษัทที่ดำเนินการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทิละวา มีเพียง 1 รายที่มาจากจีนคือผู้ผลิตเสื้อผ้า "หลู ไท่ โค" อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเป็น หนึ่งในผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเมียนมา โดยได้ลงทุนไปแล้วรวม 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
ที่มา:หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่  21  มิถุนายน 2561