สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

       นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเปิดเจรจากับจีนเพื่อขอทบทวนข้อตกลงการค้า (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-จีนในเรื่องของการปรับอัตราภาษีเหลือ 0% สำหรับสินค้านำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็น 1 ใน 703 รายการมีอัตราภาษีนำเข้า 0% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เห็นว่าจะส่งผลกระทบทั้งในแง่การจัดเก็บภาษีและการดึงนักลงทุนเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ  "ข้อตกลงเอฟทีเอไทย-จีนเกิดขึ้นระหว่างการเจรจาราวปี 2546-2547 ซึ่งขณะนั้นไทยยังไม่มีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า และปัจจุบันรัฐบาลมีแผนจะส่งเสริมให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ในสัปดาห์หน้า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะเป็นประธานประชุมหาทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม" นายกุลิศกล่าว และว่า หากการเจรจาไม่เป็นผล อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะอยู่ในระดับ 0% ทันทีนายกุลิศกล่าวว่า กรมกำลังประเมินผล กระทบของการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมว่าจะมีจำนวนเท่าใด ขณะเดียวกันได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บโดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ โดยปีงบประมาณ 2561 ถือเป็นอีกปีที่น่าจะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรม ทั้งเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ของกรมสรรพสามิตที่ใช้ฐานราคาขายปลีกแนะนำมาคำนวณภาษี ซึ่งขณะนี้ยังติดขัดในเรื่องของการนำส่งข้อมูลราคาขายปลีกของสินค้านำเข้าต่างๆ มายังกรมศุลกากรประเมินอัตราภาษีนำเข้า คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน กว่าระบบจะเรียบร้อย ซึ่งอาจจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 3 ตุลาคม 2560

 

 

            พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่อยู่ระหว่างเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. – 5 ต.ค. ว่า เมื่อเวลา 10.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น วานนี้(1 ต.ค.) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีและนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตัน ดัลเลส กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงกรมพิธีการทูตสหรัฐมาต้อนรับ และเดินทางเข้าที่พัก ก่อนจะนำคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทาง หารือกับคณะทำงานและนักธุรกิจและนักลงทุนไทยในสหรัฐ   สำหรับการเดินทางครั้งนี้ มีนักธุรกิจไทยร่วมคณะ 25 คน จาก 5 ภาคธุรกิจ คือ ด้านการเกษตร อาหาร การแปรรูป การเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนยานยนต์ นายกรัฐนตรีจึงหารือเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนพบปะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง โดยในโอกาสนี้ ภาคเอกชนไทยได้มอบเงินช่วยเหลือสหรัฐฯ ที่ประสบภัยพายุเฮอริเคน เป็นเงินประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ สิ่งของและอาหารอีกมูลค่าประมาณ 120,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นเงิน 1,000,000 บาท

ที่มา : หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์เดลินิวส์ วันที่ 2 ตุลาคม 2560

 

 

   การพัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบต้นทุนต่ำดังกล่าวเป็นความร่วมมือโดย บริษัท นิปปอนคิไคเอ็นจิเนียริ่ง กับสำนักส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสถาบันไทย-เยอรมัน เพื่อช่วยผู้ประกอบการ ในการลดต้นทุนในการนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ นายทองพูน ทองเปล่ง วิศวกรของ บริษัท นิปปอนคิไคเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ให้ข้อมูลแก่ทีมข่าวผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เนื่องจากอุตสาหกรรมในประเทศไทย มีบทบาทเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ ยานพาหนะ และอุตสาหกรรมการบิน อีกทั้งผู้ประกอบการยังต้องนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศที่มีราคาค่อนข้างสูง  นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องระยะเวลา ที่พนักงานใช้ในการเดินไปหยิบชิ้นงานมาประกอบ ทำให้ได้ประสิทธิภาพของการทำงาน ต่อตัวชิ้นงานค่อนข้างน้อย เมื่อนักวิจัยของนิปปอนคิไคเอ็นจิเนียริ่งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และต้องการช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน ในการนำเข้าเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน จึงได้ประดิษฐ์คิดค้น หุ่นยนต์ต้นทุนต่ำนี้ขึ้นมา

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน 360 องศา วันที่  27 กันยายน 2560