สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

              นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักงานแผนภาษีในฐานะริงโฆษกกรมสรรพสามิต แดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2562 ได้เห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ในการลดภาษีสรรพสามิตให้กับรถยนต์ที่สามารถลดฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) คือลดอัตราภาษีรถกระบะ(ปิกอัพ) และรถกระบะ 4 ประตู (ดับเบิลแค็บ) ที่ใช้น้ำมันดีเซลบี 20 และยกระดับมาตรฐานการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์ดีเซล เป็นมาตรฐานยูโร 5 หรือรถที่มีค่า PM ไม่เกิน 0.005 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งได้รับการลดภาษีให้ประมาณ 1-2% ขณะนี้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 ยี่ห้อ ซึ่งมีรถกระบะและรถกระบะ 4 ประตู  มีความพร้อมที่จะใชชัน้ำมันบี 20 และสามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณืต่างๆของรถยนต์ อาทิ เปลี่ยนท่อไอเสีย เป็นต้น เพื่อให้รองรับน้ำมันบี 20 ได้แล้ว โดยคาดว่า ไม่เกินปีนี้จะเห็นรถกระบะปี 20 คันแรกออกวางจำหน่าย “ทั้งนี้ คาดว่ามาตราการภาษีดังกล่าว จะจูงใจให้ผู้ผลิตปรับเปลี่ยนรถยนต์ให้เป็นบี 20 ได้เร็วขึ้น เนื่องจากมีลดภาษีให้ต่ำมากและมาตรการที่ออกมาเป็นมาตรการมีประโยชน์ต่ผู้ประกอบการและผู้ใช้รถยนต์โดยเฉพาะเรื่องของการลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นนโยบายมี่สำคัญของรัฐ” นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังเห็นชอบให้ลดอัตราภาษีรถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า (อีวี)  ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จากปัจจุบันภาษี 2% ลดลงหลือ 0% สำหรับรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 ระยะเวลาทั้งสิน 3 ปี เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเร่งผลิตรถอีวีออกมาเร็วขึ้น โดยหากรถอีวี ราคา 1 ล้านบาท จะไดรับส่วนลดภาษีประมาณ 20,000 บาทต่อคัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8  มีนาคม 2562

               ฮุนได มอเตอร์ กำลังพิจารณาแผนการที่จะระงับการผลิตในโรงงานที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศจีน เนื่องจากยอดขายตกและมีขีดความสามารถเกินความต้องการ การเคลื่อนไหวฮุนไดเป็นการย้ำให้เห็นว่าถึงชะตาที่ผลิกผันของอุตสาหกรรมรถยนต์จีน ซึ่งได้หดตัวครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษในปีที่ผ่านมา ฮุนได เกียร์ มอเตอร์ เผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์มาก เนื่องจากต้องแข่งขันกับบริษัทจีนและบริษัทรถยนต์ระดับโลก บริษัทแถลงว่ากำลังทบทวนการผลิตเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและความสามารถในการแข่งขันและกล่าวว่าแผนการนั้น รวมถึง การระงับ ไม่ใช่การปิดโรงงาน 1 ในปักกิ่ง อย่างไรก็ดีบริษัทยังไม่ตัดสินใจว่าเมื่อไหร่ที่จะเริ่มระงับการผลิต แม้หนังสือพิมพ์โคเรีย อีโคโนมิคเดรี่ รายงานว่าอาจเริ่มระงับการผลิตในต้นเดือนหน้า ขณะนี้โรงงานทั้ง 5 แห่งของฮุนไดในประเทศจีน บริหารโดยบริษัทร่วมทุนฮุนไดกับ BAIC Motor Corp พนังงานประมาณ 2,000 คนได้ของเกษียณอายุโดยสมัครใจหรือโอนย้ายไปทำงานโรงงานอื่นๆ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 8 มีนาคม 2562

                    ค่ายรถท้อแบงค์ชาติขยายวงคุมเข้มสินเชื่อรถยนต์หวั่นสะเทือนตลาด ลามถึงยอดขายงนมอเตอร์โชว์ ปลายมีนาคมนี้  เผยสัญญาณชัดอนุมัติล่าช้า เงื่อนไขยุบยับขอเพิ่ม “เงินดาวน์-คนค้ำประกัน” ค่ายรถดิ้นจับมือพันธมิตร “แคปทีฟไฟแนนซ์” ร่วมทำตลาด พลิกเกมเน่นแคมเปญช่วยผ่อนลดภาระลูกค้า แหล่งข่าวในวงการรถยนต์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภายรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ปี 2562 ว่ายังมีปัจจัยค่อนข้างลบเยอะ แม้ว่าช่วง 1-2 เดือนแรกของปีจะมีตัวเลขยอดขายเป็นบวก รวมถึงในเดือนมีนาคมต่อเนื่องเมษายนจะมีอิเวนต์ใหญ่ขายรถอย่างงานมอเตอร์โชว์ก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องกังวลคือภาวะเศรษฐกิจโลก สงครามการค้า รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศนโยบายคุมเข้มมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งน่าจะมีผลค่อภาวะการขายรถยนต์อย่างมีนัยสำคัญ และมีความกังวลว่าจะส่งผลต่อภาวะการขายในงานมอเตอร์โชว์ช่วงปลายเดือนนี้ เนื่องจากแบงค์ชาติมองว่ามาตรการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมาของสถาบันการเงินต่างๆ อาจหย่อนยานเกินไป โดยพบว่าปี 2561 ที่ผ่านมาสินเชื่อรถยนต์มีอัตราเติบโตสูงสุดในบรรดาสินเชื่ออุปโภคบริโภค โดยเติบโตสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะเดียวกัน หนี้เสียที่ขยับเพิ่มขึ้นด้วยมาอยู่ที่ระดับ 1.66% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 1.60% เพิ่มเงื่อนไขเงินดาวน์-คนค้ำ แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ตอนนี้การพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถยนต์อาจต้องลงรายละเอียดลูกค้าแต่ละรายมากขึ้นเนื่องจากยอดขายรถยนต์ใหม่ปีที่ผ่านมาขยายตัวสูงมากทะลุ 1 ล้านคันไปแล้ว ขณะที่ความเหมาะสมของตลาดและกำลังซื้อปริมาณการขายรถควรอยู่ที่ 9 แสน -1 ล้านคันต่อปี แต่ปัจจุบันทะลุ 1 ล้านคันไปแล้ว ดังนั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือดีมานด์เทียม หรือลูกค้ากู้เงินไปแล้วไม่มีความสามารถผอนชำระที่แท้จริง ขณะที่ผู้บริหารสถาบันการเงินบางรายก็ยอมรับว่า แนวโน้มเอ็มพีแอลสินเชื่อรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายค่ายต้องคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อเพื่อไม่ให้เอ็นพีแอลขยายตัว ทั้งนี้ จากความเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว ทำให้ตอนนี้การอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ช้าลงมาก และจากเดิมที่ซื้อรถอาจไม่ต้องมีคนค่ำประกัน ระยะหลังก็ต้องใช้หรือบีบบังคับให้เพิ่มเงินดาวน์จากเดิมเริ่มต้น 15-20% เพิ่มเป็น 25-30% หรือมีหลักฐานทางการเงินในการขอกู้เพิ่มเติมเพื่อการันตีและรองรับว่าลูกค้ามีศักยภาพในการกู้และสามารถผ่อนชำระได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 7 มีนาคม 2562