สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหราชอาณาจักรมองเห็นการหักเลี้ยวจากอุปสรรคจากการแยกตัวของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นตัวเร่งสู่การเกิดกระแสไฟฟ้าเช่นเดียวกับการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการสร้างมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนโยบายสีเขียวจากรัฐบาล โดยรถยนต์ 4 แบรนด์ชั้นนำที่มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร แต่ปัจจุบันมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ อย่างเช่นแบรนด์ Bently  and Mini และ Indian-blacked Jaguar ที่มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน และแบรนด์ Lotus ที่มีเจ้าของเป็นชาวจน ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีแนวทางในการสร้างโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าไปควบคู่กับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างมลพิษทางอากาศที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายในผู้ผลิตรถสปอร์ตคาร์ แบรนด์ Evija ซึ่งเป็นไฟฟ้าทั้งคันได้ให้ความเห็นว่า “พลังงานไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในเวลาอีกไม่นาน รถยนต์ทั้งหมดของเราจะเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้า” โดยการยกเลิกใช้ส่วนประกอบใหญ่ๆเช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน และกล่องเกียร์ จะทำให้รถยนต์ของ Evija ถูกเรียกว่าเป็นรถยนต์ Hyper car ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแต่ละล้อ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 23 กรกฎาคม 2562

อุตสาหกรรมยานยนต์ของสหราชอาณาจักรมองเห็นการหักเลี้ยวจากอุปสรรคจากการแยกตัวของอังกฤษ (Brexit) ซึ่งเป็นตัวเร่งสู่การเกิดกระแสไฟฟ้าเช่นเดียวกับการที่ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการสร้างมลพิษจากเครื่องยนต์ดีเซล ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนโยบายสีเขียวจากรัฐบาล โดยรถยนต์ 4 แบรนด์ชั้นนำที่มีต้นกำเนิดในสหราชอาณาจักร แต่ปัจจุบันมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ อย่างเช่นแบรนด์ Bently  and Mini และ Indian-blacked Jaguar ที่มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน และแบรนด์ Lotus ที่มีเจ้าของเป็นชาวจีน ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีแนวทางในการสร้างโมเดลรถยนต์ไฟฟ้าไปควบคู่กับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่ต้องการหลีกเลี่ยงที่จะสร้างมลพิษทางอากาศที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายในผู้ผลิตรถสปอร์ตคาร์ แบรนด์ Evija ซึ่งเป็นไฟฟ้าทั้งคันได้ให้ความเห็นว่า “พลังงานไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งในเวลาอีกไม่นาน รถยนต์ทั้งหมดของเราจะเสนอเทคโนโลยีขับเคลื่อนไฟฟ้า” โดยการยกเลิกใช้ส่วนประกอบใหญ่ๆเช่น เครื่องยนต์สันดาปภายใน และกล่องเกียร์ จะทำให้รถยนต์ของ Evija ถูกเรียกว่าเป็นรถยนต์ Hyper car ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแต่ละล้อ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 23 กรกฎาคม 2562

เป็นเวลากว่า2ปีที่รัฐบาลได้จัดตั้งกองทุนสำหรับการผลิตยานยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าภายในประเทศ โดยโครงการดังกล่าวได้สร้างกว่า 20-30 แอพพลิเคชั่นการลงทุน ซึ่งครอบคลุมไปถึงการประกอบรถยนต์, การผลิตชิ้นส่วนสำคัญ, และ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ได้ขยายแรงจูงใจในการลงทุนสำหรับผู้ร่วมลงทุน โดยจะพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับการลงทุนในรถยนต์ Plug-in hybrid EV, รถยนต์แบตเตอรี่ EV, รถบัสไฟฟ้า, และชิ้นส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.4 พันล้านบาท รวมถึงโครงการสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเลขาธิการ BOI กล่าวว่า ทางสมาคมได้อนุมัติ9โครงการที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่ากว่า 5,100ล้านบาทสำหรับการประกอบรถยนต์ ประกอบด้วย โครงการเกี่ยวกับรถยนต์ hybrid EV 4 โครงการ เกี่ยวกับรถยนต์ Plug-in hybrid EV 4 โครงการ และโครงการแบตเตอรี่ EV 1 โครงการ Toyota และ Honda ได้ทำการเริ่มผลิตไปแล้วในไทย สำหรับโครงการ hybrid EV ในขณะที่ Mercedes Benz และ BMW ยังคงมีความสนใจกับ plug-in hybrid EV แบตเตอรี่ FOMM พร้อมสำหรับจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ แต่ยอดขายยังไม่เป็นที่น่าพอใจเนื่องจากความแตกต่างกันของรุ่นแบตเตอรี่ในแต่ละรุ่นของรถยนต์โดยผู้ลงทุนจะต้องส่งหลักฐานการสมัครเข้าร่วมโครงการสำหรับรถยนต์ hybrid ในปี 2019 ในขณะที่การประกอบแบตเตอรี่สำหรับEV ยังคงต้องการเวลาภายในสามปี โดย BOI ต้องการให้ผู้ลงทุนสามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV อย่างน้อย 1ชิ้นในปีแรก และเพิ่มขึ้นเป็น 4ชิ้น ในเวลา 3ปี โดยชิ้นส่วนที่จำเป็นได้แก่ แบตเตอรี่, มอเตอร์ลากจูง, หน่วยควบคุมการขับขี่, และ ระบบควบคุมแบตเตอรี่

ที่มา : หนังสือพิมพ์ Bangkok Post ฉบับวันที่ 22 กรกฎาคม 2562