สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

          อินโดนีเซียเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ชุดใหญ่เพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า รวมทั้งการสร้างฐานผลิตและส่งออกอีวีแข่งกับสิงคโปร์และไทย สู่เป้าหมายผู้นำอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดีเดย์เริ่มการผลิตใน ปี 2022 ขณะที่มาตรการจูงใจที่เตรียมไว้มีทั้ง ลดภาษีสำหรับผู้ซื้อและผู้ผลิต ที่จอดรถพิเศษและอีกมากมาย

           สำหรับอินโดนีเซียนั้น นอกจากการแย่งชิง ความเป็นหนึ่งในตลาดอีวีอาเซียนแล้ว แผนการ ส่งเสริมรถไฟฟ้ายังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายาม ในการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการลดการพึ่งพิงน้ำมันนำเข้าและการปล่อย ไอเสียจากเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยนอกจากการ ส่งเสริมอีวีแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังเล็งยกเลิก การขายรถใช้น้ำมันภายในปี 2040

          กฎใหม่ของอินโดนีเซียจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบภาษียานยนต์โดยอิงกับปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้และการปล่อยก๊าซคาร์บอนแทนประเภทตัวถังและขนาดเครื่องยนต์ เท่ากับว่า รถไฟฟ้าจะเสียภาษีน้อยกว่ารถใช้น้ำมันนอกจากนั้นผู้ผลิตอีวียังต้องเพิ่มจำนวน ชิ้นส่วนที่ผลิตในท้องถิ่นจนถึง 80% ภายในปี 2030 และปี 2026 สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2562

          เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วสำหรับ “เอ็กเทนเดอร์” รถปิดอัพ รุ่นแรกของ เอ็มจี และเป็นการเข้าสู่ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ด้วยสัดส่วนการขายว่า 45% แต่ก็แน่นอนว่าเป็นตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดเช่นกัน เพราะมีขาใหญ่คุมตลาด 2 ยี่ห้อ ด้วยยอดขายรวมกัน กินพื้นที่กว่า 70% ของตลาดทั้งหมด แต่เอ็มจี ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าไปแทรกตลาดได้ ด้วยจุดเด่นหลายอย่างเติมเต็มในสิ่งที่ขาดไปสำหรับรถปิกอัพในบ้านเรา จากการออกสำรงจข้อมูลกลุ่มลูกค้า สำหรับปิกอัพเอ็มจีนั้น มีต้นกำเนิดในจีน โดย SAIC Motor บริษัทแม่ ที่สร้างปิดอัพในยี่ห้อ แม็กซัส และรุ่นล่าสุดคือ ที่ 70 อย่างไรก็ตาม เอ็มจีบอกว่าเมื่อแม็กซัสในจีนมาเป็นเอ็มจีในไทย ได้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างเพราะความต้องการไม่เหมือนกัน สเปกต่างๆรวมไปถึงการปรับตั้งระบบช่วงล่างต่างๆ รองรับตลาดประเทศไทยโดยเฉพาะ รวมไปถึงเครื่องยนต์ที่เป็นรุ่นเฉพาะของไทย แม้ว่าจะมีพื้นฐานเดียวกันก็ตาม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2562

          รองผู้อำนวยการเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนมิถุนายน 2562 หดตัวร้อยละ 5.54 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 2 หดตัวลงร้อยละ 2.64 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนมิถุนายน 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมันปิโตเลี่ยม Hard Disk Drive และเครื่องประดับแท้ สาเหตุหลักมาจากความต้องการบริโภคภายในประเทศและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตเลี่ยมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามวาระการตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ในขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ขยายตัเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.79 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 เพิ่มขึ้นเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.64 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดในประเทศและเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2562