สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

BMW said it will develop its next-generation electric motors, transmission and power electronics with Jaguar Land Rover, unveiling yet another industry alliance designed to lower the costs of developing electric cars."Together, we have the opportunity to cater more effectively for customer needs by shortening development time and bringing vehicles and state-of-the-art technologies more rapidly to market," BMW Group R&D boss Klaus Froehlich said in a statement.BMW aims to have 12 full-electric models by 2025. Currently the BMW brand's sole battery-powered model is the i3 hatchback.BMW and Jaguar Land Rover said they will save costs through shared development, production planning and joint purchasing.Both companies will produce electric drivetrains in their own manufacturing facilities, BMW said.Nick Rogers, Jaguar Land Rover's engineering director said: "We've proven we can build world beating electric cars but now we need to scale the technology to support the next generation of Jaguar and Land Rover products."

บีเอ็มดับเบิลยูและจากัวร์แลนด์โรเวอร์จะทำการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้า

บีเอ็มดับเบิลยูได้กล่าวว่าจะพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ชุดเกียร์และไฟฟ้ากำลังกับจากัวร์แลนด์โรเวอร์ ซึ่งเปิดตัวเป็นอีกพันธมิตรในอุตสาหกรรมที่มุ่งลดต้นทุนในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในความร่วมมือกันนั้นพวกเรามีโอกาสในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการลดระยะเวลาในการพัฒนาและการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว ดังที่ทีมวิจัยและพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยูได้กล่าวในคำแถลงบีเอ็มดับเบิลยูมีจุดมุ่งหมายที่จะมี 12 โมเดลที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบภายในปีคศ.2015 ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการใช้งานที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มีเพียงรุ่นเดียว คือ BMW i3 ทรง hatchbackบีเอ็มดับเบิลยูและจากัวร์แลนด์โรเวอร์กล่าวว่าพวกเราจะช่วยกันลดค่าใช้จ่ายโดยการร่วมกันพัฒนา วางแผนการผลิต และระบบการจัดซื้อโดยส่วนกลางซึ่งทั้ง 2 บริษัทจะร่วมกันผลิตระบบขับเคลื่อนทางไฟฟ้าในโรงงานผลิตของตน บีเอ็มดับเบิลยูกล่าวนิก โรเจอร์ ผู้อำนวยการของแลนด์โรเจอร์เอนจิเนียริ่งกล่าวว่า เราสามารถสร้างโลกที่เต็มไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแต่เรายังคงต้องการเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ของจากัวร์แลนด์โรเวอร์ในรุ่นต่อๆไป

 

ที่มา: Automotive News Europe ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2562

     เตรียมจะเปิดตัวรถเก๋งขนาดกลางยอดนิยม อย่างโตโยต้า โคโรลลา อัลติส รุ่นใหม่ ภายในปีนี้ หรืออีกไม่กี่เดือนนี้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อตอนต้นปี โตโยต้า ไต้หวัน และจีนแผ่นดินใหญ่ทยอยเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โตโยต้า โคโรลลา อัลติส 2019 เวอร์ชั่นไต้หวัน มีให้เลือกทั้งหมด 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็นรุ่นเบนซิน 3 รุ่น และรุ่นไฮบริด 2 รุ่น โดยรุ่นไฮบริดใช้ชื่อทำตลาดว่า โตโยต้า โคโรลลา อัลติส ไฮบริด (Toyota Corolla Altis Hybrid ) ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์มทีเอ็นจีเอ (TNGA) เทคโนโลยีเดียวกับ โตโยต้า คัมรี ผู้พี่ โตโยต้า ไต้หวัน เปิดที่ราคาจำหน่ายระหว่าง 719,000-925,000 บาท โดยประมาณ มีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FE ความจุ 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อกอัตราทดได้ 7 สปีด มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14.9 กม./ลิตร และเครื่องยนต์ ไฮบริด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE คววามจุ 1.8 ลิตร รุ่นท็อป เบนซิน/รุ่น มิด ไฮบริด เพิ่มจาด รุ่นมิด เบนซิน ไฟท้ายแอลอีดี แบบ ไลท์ ไกด์ มาตรวัดดิจิทัล พร้อมจอ TFT ขาด 7 นิ้ว กุญแจ สมาร์ท เอ็นทรี่ (Smart Entry) ปุ่ม พุช สตาร์ต (Push Start) ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM จออินโฟเทนเมนท์ Drive+ Connect ขนาด 8 นิ้ว (รุ่น ไฮบริด 7 นิ้ว) ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED (เฉพาะเบนซิน) ระบบส่งเสียงเตือนคนเดินข้ามถนน (เฉพาะไฮบริด)

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 7 มิถุนายน 2562

             หลังการเปิดตัว “นิสสัน เทอร์ร่า” เป็นน้องใหม่ในเซ็กเมนซ์ “พีพีวี” หรือปิกอัพดัดแปลงในบ้านเราเมื่อราวๆ ไตรมาตร 3 ปีที่แล้ว ถือว่ายอดขายพอไปวัดไปวาได้ มีรถวิ่งให้เห็นบนถนนบ้าง นิสสันเชิญสื่อมวลชนไปทดสอบกันมาแล้ว ผมเองส่งทีมงาน “ข่าวสดยานยนต์” ไปร่วมขบวนทัพกับเข้าด้วย จึงต้องรอทิ้งช่วงพักใหญ่ๆ กว่าจะยืมรถมาทดสอบด้วยตัวเองอีกรอบ ที่ได้มาเป็นตัวท็อป “2.3VL 4WD 7AT” สีน้ำตาล “เอร์ธบราวน์” (Earth Brown) สีซิกเนเจอร์ในการทำตลาด พวงมาลัยพร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน มีปุ่มสตาร์ต-สต็อป และตัวรับสัญญาณบริเวณมือจับด้านนอก กุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Intelligent Key) เพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนภัยแบบ VSS ทำให้ไม่ต้องควักกุญแจออกมากดรีโมตในการล็อก-ปลดล็อกประตู เรียกว่าใส่กุญแจไว้ในกระเป๋านิ่งได้เลย ขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยทัศนวิสัยแจ่มว้าวมากๆ แม้ขนาดตัวถังใหญ่บะละฮึ่ม แต่ด้วยความสูงของรถดูไม่อึดอัดมากนักเวลาขับขี่บนถนน และยังกะเก็งสถานการณ์ล่วงหน้าได้ดีกว่ารถเก็งที่เตี้ยกว่า อุปกรณ์ใช้ต่างๆอยู่ใกล้มือ มาตรวัดแสดงข้อมูลขับขี่อัจฉริยะแบบ 3 มิติ Multifunction Intelligent Display (MID) ที่แสดงผลข้อมูลการขับขี่ระยะเวลาที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพรถเสียงเตือนในกรณีที่ไม่ได้ปิดไฟหน้า และสัญญาณเตือนกันการลืมกุญแจภายในรถ มาตรวัดยังแสดงโหมดออฟโรด บอกข้อมูลการขับเคลื่อนต่างๆ รวมถึงบอกองศาความลาดเอียงของตัวรถด้วย ตรงกลางเป็นหน้าจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง เชื่อมต่อกับ USB / HDMI และลำโพง 6 จุด สามารถควบคุมระบบเสียงและโทรศัพท์ได้โดยตรงจากพวงมาลัยคนขับ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 มิถุนายน 2562