BMW plans to double its U.S. production capacity for lithium ion battery packs at its assembly plant in Spartanburg, S.C., to support electric vehicle output there at its largest plant in the world.The fourth-generation batteries will be used in plug-in hybrid models of the BMW X5 and the future BMW X3, the automaker said Wednesday.The $10 million investment comes as BMW embarks on an ambitious plan to launch 25 electrified vehicles — nearly half of which will be full electric — by 2023.BMW said the additional capacity required it to add an assembly line and expand its battery production area at Spartanburg to more than 86,000 square feet.The new line will be able to produce different types of batteries.BMW has assembled lithium ion battery packs in Spartanburg since 2015 and has produced more than 45,000 units for the X5More than 120 people will be employed in battery pack assembly at the plant by year end.Local assembly of the BMW X 5 xDrive45e will begin in August and BMW X 3 xDrive30e production will start in December
BMW ขยายปริมาณการผลิตแบตเตอรี่ในอเมริกา
BMWมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขึ้นเป็นสองเท่าที่โรงงานผลิตในเมือง Spartanburg เพื่อสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า โดยต้องการให้เป็นโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยแบตเตอรี่รุ่นที่4จะสามารถใช้ได้ในรถยนต์รุ่น Plug-in hybrid ซึ่งรวมถึง BMW X5 และ BMW X3 ในอนาคต ซึ่งการเพิ่มยอดการผลิตครั้งนี้ มีเงินลงทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย BMW เริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้เพื่อเตรียมการในการปล่อยรถยนต์ที่จะประยุกต์เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอีกกว่า 25 รุ่นภายในปี 2023 ซึ่งนับเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งหมดที่จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าBMW กล่าวว่าปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นที่ต้องการของภาคการผลิต และยังเป็นการขยายพื้นที่การผลิตแบตเตอรี่ที่เมือง Spartanburg อีกกว่า 86,000 ตารางฟุต โดยฐานการผลิตใหม่นี้จะสามารถผลิตแบตเตอรี่ได้ในหลากลายรูปแบบ BMW ได้วางแผนการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในเมือง Spartanburg ตั้งแต่ปี 2015 และผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ BMW X5 ไปกว่า 45,000 หน่วย อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานเกิดขึ้นกว่า 120 ตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้ โดยการผลิตในท้องถิ่นจะสามารถเริ่มต้นผลิตแบตเตอรี่ xDrive45e สำหรับ BMW X5 ซึ่งจะเริ่มต้นผลิตในเดือนสิงหาคม และแบตเตอรี่รุ่น xDrive30e สำหรับ BMW X3 ซึ่งจะเริ่มต้นผลิตในเดือนธันวาคม
ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี และ โฟล์คสวาเก้น กรุ๊ป ประกาศขยายความร่วมมือในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และร่วมกับ อาร์โก เอไอ เปิดตัวเทคโนโลยีรถไร้คนขับในสหรัฐอเมริกา และยุโรป เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าของทั้งสองบริษัท เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย ดร. เฮอร์เบิร์ท ไดส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โฟล์คสวาเก้น และนายจิม แฮคเก็ต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี ร่วมเปิดเผยว่าบริษัทได้ประกาศร่วมกันในการลงทุนกับอาร์โก เอไอ บริษัทแพลทฟอร์มเทคโนโลยีรถไร้คนขับ โดยจากความร่วมมือระหว่างฟอร์ด และโฟล์คสวาเก้น ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (SDS) ของอาร์โก เอไอ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรุกตลาดยุโรป และอเมริกา นอกจากนั้น แพลตฟอร์มของอาร์โก เอไอ ที่สามารถเข้าถึงตลาดผ่านเครื่อข่ายทั่วโลกของผู้ผลิตรถยนต์ ยังมีศักยภาพในการขยายเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ ให้ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวางที่สุดในปัจจุบัน โฟล์คสวาเก้น และฟอร์ดต่างก็จะนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติดังกล่าวมาใช้กับรถที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพื่อสนับสนุนการนำร่องการขนย้ายคนและสินค้าของทั้งสองบริษัท นายแฮคเก็ต กล่าวว่า สิ่งที่อาร์โก เอไอ ให้ความสำคัญยังคงเป็นการนำระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ SEA Level 4-capable ไปประยุกต์ใช้กับรถเพื่อเป็นการใช้บริการ ride sharing และบริการส่งของในพื้นที่ในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 25 กรกฎาคม 2562