สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

      General Motors หรือ GM ระบุจะจัดสรรงบประมาณเพื่อการพัฒนาและจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้ามากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในในอีก 5 ปีข้างหน้า สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แมรี่ บาร์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GM เป็นผู้ประกาศข่าวนี้ด้วยตนเองระหว่างการแถลงข่าวผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ตาม บาร์ร่าไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงในสัดส่วนการลงทุนระหว่างรถพลังงานไฟฟ้าและรถเครื่องยนต์ทั่วไปในช่วงกรอบเวลาดังกล่าว

       บาร์ร่า เปิดเผยด้วยว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะ “ต้องการแรงงานคน” น้อยกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ขณะที่สหภาพแรงงานสหรัฐ (United Auto Workers) ซึ่งเพิ่งบรรลุข้อตกลงด้านแรงงานกับ GM เป็นเวลา 4 ปี ได้แสดงความกังวลว่าระดับการจ้างงานในสหรัฐจะลดลงเมื่อมีการมุ่งเน้นรถพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

      รถเครื่องยนต์สันดาปจะยังคงมียอดขายสูงกว่ารถพลังงานไฟฟ้าไปจนถึงช่วงปี 2030 ขณะเดียวกัน สายการผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่าง ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากรถพลังไฟฟ้าจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนเหมือนกัน

 

ที่มา: www.autostation.com ฉบับวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562

บริษัท แดสสอล์ท ซิสเต็มส์ จำกัด เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของ Global Market Insights ระบุว่า ตลาดอุปกรณ์แขนกลสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าเกินกว่า 5.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2567

     สถานการณ์อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย เป็นเรื่องที่ ต้องจับตา เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนักทั้งยอดขายในประเทศ และส่งออก แม้ว่าการขายในประเทศช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.จะยังคง เติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่ว่า 3 เดือนล่าสุด ทิศทางไม่ดี ยอดขายหดตัว โดยเฉพาะเดือน ก.ย. ที่หดตัวแรงถึง 14%

       ขณะที่การส่งออก ก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยเดือน ก.ย. ส่งออก 9.75 หมื่นคัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 6% รวม 9 เดือน 8.21 แสนคัน ลดลง 4% เป็นผลมาจากตลาดเป้าหมายหดตัวจำนวนมาก ยกเว้นเอเชีย กับ ตะวันออกกลาง ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย ระบุว่าเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

       แต่หากมองในแง่บวกก็ยังถือว่ามีข่าวดีอยู่บ้าง ที่ตลาดตะวันออกกลาง ยังไม่ถดถอย เพราะถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และอยู่ในช่วงการฟื้นฟู เพราะก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อน ตะวันออกกลางเป็นตลาดส่งออก ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ก่อนที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดลงอย่าง รุนแรง ส่งผลให้ตลาดตะวันออกกลางหายไปอย่างรวดเร็ว และกลาย มาเป็นเอเชียที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดแทน และตะวันออกกลาง ที่เคยยิ่งใหญ่ก็ยังแพ้ ออสเตรเลีย

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 31 ตุลาคม 2562