นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานผลดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินงาน ประกอบด้วย 1.มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทาน (Supply) โดยกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขข้อผูกพันภายใต้ข้อตกลงเขตเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) สำหรับอัตราภาคีนำเข้าภายใต้พิกัด 8703.80 ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม การแก้ไขข้อผูกพันดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศภาคีจึงยังไม่สามารถระบุเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้โดยจะขึ้นอยู่กับผลการเจรจาระหว่างไทยกับจีน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันที่ 4 ตุลาคม 2560
นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเปิดเจรจากับจีนเพื่อขอทบทวนข้อตกลงการค้า (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-จีนในเรื่องของการปรับอัตราภาษีเหลือ 0% สำหรับสินค้านำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ซึ่งเป็น 1 ใน 703 รายการมีอัตราภาษีนำเข้า 0% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เห็นว่าจะส่งผลกระทบทั้งในแง่การจัดเก็บภาษีและการดึงนักลงทุนเข้ามาผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ "ข้อตกลงเอฟทีเอไทย-จีนเกิดขึ้นระหว่างการเจรจาราวปี 2546-2547 ซึ่งขณะนั้นไทยยังไม่มีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า และปัจจุบันรัฐบาลมีแผนจะส่งเสริมให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ในสัปดาห์หน้า นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะเป็นประธานประชุมหาทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม" นายกุลิศกล่าว และว่า หากการเจรจาไม่เป็นผล อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีนจะอยู่ในระดับ 0% ทันทีนายกุลิศกล่าวว่า กรมกำลังประเมินผล กระทบของการปรับลดอัตราภาษีดังกล่าวต่อการจัดเก็บรายได้ของกรมว่าจะมีจำนวนเท่าใด ขณะเดียวกันได้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บโดยนำระบบไอทีเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ โดยปีงบประมาณ 2561 ถือเป็นอีกปีที่น่าจะมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของกรม ทั้งเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายฉบับใหม่ของกรมสรรพสามิตที่ใช้ฐานราคาขายปลีกแนะนำมาคำนวณภาษี ซึ่งขณะนี้ยังติดขัดในเรื่องของการนำส่งข้อมูลราคาขายปลีกของสินค้านำเข้าต่างๆ มายังกรมศุลกากรประเมินอัตราภาษีนำเข้า คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน กว่าระบบจะเรียบร้อย ซึ่งอาจจะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน วันที่ 3 ตุลาคม 2560
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่อยู่ระหว่างเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. – 5 ต.ค. ว่า เมื่อเวลา 10.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น วานนี้(1 ต.ค.) ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีและนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา พร้อมคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติวอชิงตัน ดัลเลส กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิศาล มาณวพัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงกรมพิธีการทูตสหรัฐมาต้อนรับ และเดินทางเข้าที่พัก ก่อนจะนำคณะรัฐมนตรีที่ร่วมเดินทาง หารือกับคณะทำงานและนักธุรกิจและนักลงทุนไทยในสหรัฐ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ มีนักธุรกิจไทยร่วมคณะ 25 คน จาก 5 ภาคธุรกิจ คือ ด้านการเกษตร อาหาร การแปรรูป การเงินการธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ ปิโตรเคมี และชิ้นส่วนยานยนต์ นายกรัฐนตรีจึงหารือเพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนพบปะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง โดยในโอกาสนี้ ภาคเอกชนไทยได้มอบเงินช่วยเหลือสหรัฐฯ ที่ประสบภัยพายุเฮอริเคน เป็นเงินประมาณ 100,000 เหรียญสหรัฐฯ สิ่งของและอาหารอีกมูลค่าประมาณ 120,000 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลไทยได้บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นเงิน 1,000,000 บาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์เดลินิวส์ วันที่ 2 ตุลาคม 2560