ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ไม่พ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆที่ต้องพบเจอ สำคัญที่สุดคือ อุบัติเหตุจากฝนตกหนัก น้ำขัง ถนนลื่น และอื่นๆ ฟอร์ดประเทศไทย จึงแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ เพื่อการขับขี่ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน เริ่มจาก
1. เตรียมรถให้พร้อม ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คดูแลรถยนต์และเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ โดยควรให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้เป็นพิเศษ คือใบปัดน้ำฝน เพื่อปัดน้ำฝน เพื่อบัดน้ำฝนไม่ให้บดบังวิสัยทัศน์ซึ่งปกติมีระยะเวลาใช้งานประมาณ 1 ปี น้ำฉีดกระจก เตรียมไว้ในกรณีที่มีดินหรือโคลนกระเด็นใส่กระจกหน้าด้วยเหตุนี้เอง จึงควรเช็คปริมาณน้ำฉีดกระจกและเติมน้ำสะอาดในถังน้ำฉีดกระจกให้ถึงขีดที่กำหนดทุกเดือน ไฟหน้า-ไฟหลังรถ ช่วยให้มองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นและให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณ และสภาพยาง เพื่อให้ล้อรถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ควรเปลี่ยนยางรถทุก 4-5 ปี เนื่องจากโดยทั่วไปอายุของยางรถมักจะไม่เกิน 6 ปี นับตั้งแต่วันที่ผลิตหรือควรเปลี่ยนยางเมื่อสภาพไม่อำนวยต่อการขับขี่อย่างปลอดภัย เช่น โครงสร้างของยางชำรุด ความลึกของดอกยางต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เป็นต้น
2. วิธีการขับรถไม่ให้ไถล เนื่องจกาฝนตกทำให้ถนนเปียกและลื่นรวมถึงการยึดจับของยางกับถนนจะลดลงเมื่อขับเร็วขึ้น ดังนั้น การขับรถเร็วเกินความเหมาะสมในขณะที่ถนนเปียก จะส่งผลให้รถเสียหลักและไถลลื่นได้ โดยการใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งไม่ควรขับเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการเหินน้ำของรถ ป้องกันการลื่นไถลและเพื่อที่ผู้ขับจะสามารถควบคุมรถได้
3. รับมือกับบฝนตกหนักจนมองไม่เห็นถนน หากฝนตกในช่วง 10 นาทีแรก ควรเริ่มลดความเร็ว หากฝนตกหนักเกินกว่าที่ผู้ขับขี่จะสามารถมองเห็นถนนและข้างทางและไม่สามารถขับรถต่อได้อย่างปลอดภัยได้ ผู้ขับขี่ควรหาจุดจอดรถที่ปลอดภัยได้ ผู้ขับขี่ควรหาจุดจอดรถที่ปลอดภัย และโทร.แจ้งสถานการณ์ต่อคนใกล้ชิดหรือคนรู้จัก
4. ห้ามเบรกกระทันหัน เป็นเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นเมื่อฝนตก การเบรกกะทันหันบนถนนเปียกอาจส่งผลให้เบรกไม่อยู่ เสียการควบคุมรถ จนเกิดอุบัติเหตุได้ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงควรทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ หรือราว 2 เท่าของระยะทิ้งห่างเมื่อขับรถในสภาพอากาศปกติ เพื่อให่สามารถหยุดรถได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องเบรกอย่างกะทันหัน และหลีกเลี่ยงการชนคนเดินถนนหรือรถคันอื่นบนท้องถนน
5. ขับรถลุยน้ำยังไงไม่ให้ดับ เมื่อพบว่าถนนที่ขับไปมีน้ำท่วมขังหรือแอ่งน้ำ ให้สังเกตระดับความลึกของน้ำจากฟุตบาทและสภาพแวดล้อมข้างทาง หรือจากรถคันหน้า เพื่อประเมินความลึกของสถานการณ์ ถ้าระดับน้ำไม่สูงมากสามารถขับผ่านไปได้ เบื้องต้นควรปิดแอร์และใช้เกียร์ต่ำ แต่ถ้าระดับน้ำสูงเกินอละฝืนขับอาจาจะส่งผลให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และเกิดความเสียหายต่อรถได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2562
สิ้นสุดการรอคอย สำหรับค่ายม้าลำพอง “เฟอร์รารี่” ซุปเปอร์คาร์แถวหน้า ล่าสุดก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว เอสเอฟ90 สตราเดล(SF90 Stradale) ซุปเปอร์คาร์ปลั๊ก-อินไฮบริดรุ่นแรก รีดพละกำลังออกมาได้อย่างมหาศาลถึง 986 แรงม้า ติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 340 กม./ชม. SF90 Stradale ถือว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกของเฟอร์รารี่ (LaFerari) เป็นรุ่นพิเศษ ออกขายจำนวนจำกัด 499 คัน เมื่อปี 2013 เอสเอฟ90 สตราเดล มาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จคู่ 4.0L V8 กำลังสูงสุด 769 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 6,000 รอบต่อนาที เรียกได้ว่าเป็นขุมกำลัง 8 สูบที่ทรงพลังสูงสุดของเฟอร์รารี่ เท่านั้นยังไม่พอ แต่ยังมีพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 3 ตัว เป็นตัวเสริมกำลังให้อีก 217 แรงม้า ทำให้เอสเอฟ90 สตราเดล รุ่นล่าสุดนี้มีพละกำลังมหาศาล 986 แรงม้า และสร้างแรงบิดได้ 800 นิวตันเมตร SF90 เป็นตัวย่อการฉลองครบรอบ 90 ปีขของทีมแข่งฟอมูล่า วัน สคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ (Scuderia Ferrari) ตั้งขึ้นเมื่อปี 1929 คำว่า สตราเดล (Stradale) ในภาษาอิตาเลียนมีความหมายว่าถนนเป็นการสื่อถึงความเชื่อมโยงจากสนามแข่งเพื่อมาสู่รถยนต์ผลิตเพื่อวิ่งบนถนนจริง ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นไฮไลต์ของ เอสเอฟ90 สตราเดล จะใช้กำลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 7.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งกำลังสู่มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวแรกที่ติดตั้งบริเวณเพลาหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าอีกตัวที่เพลาหลัง
ที่มา : หนังสือพพิมพ์ มติชน ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน 2562