สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

    กระแส รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ที่กำลังค่อยๆกลืนกินรถยนต์ที่ใช้แก๊สและน้ำมันให้หายไปเรื่อยๆ โดยขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้ตั้งเป้านโยบายส่งเสริมการใช้รถอีวี พร้อมๆกับประกาศยกเลิกการผลิตและการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีการประเมินว่า นอร์เวย์ จะเป็นประเทศแรกของโลกที่บรรลุเป้าหมายผลักดันการใช้รถยนต์อีวีแบบ 100% ในปี 2025  รัฐบาลหลายประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกื้อหนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น ตัวอย่างจาก เยอรมนี ที่ประกาศนโยบายเมื่อปีก่อนโดยรัฐบาล จะออกมาตรการทางภาษีเพื่อบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ยุติการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แล้วหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานที่ไม่ปล่อยมลพิษแทนภายในปี 2030 ทั้งยังเสนอให้กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) หันมาพิจารณามาตรการดังกล่าวร่วมกัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 30 ตุลาคม 2560

 
 

 

    วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป จีนจะสามารถส่งรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาขายในเมืองไทยโดยไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงการค้าอาเซียน-จีน หรือ "เอฟทีเอ" เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า พยายามจูงใจให้ค่ายรถต่างๆ มาตั้งโรงงานผลิตหวังให้ไทยเป็นศูนย์กลาง หรือฮับ การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค แต่เมื่อมีเงื่อนไขในข้อตกลงการค้าอาเซียนจีน กรณีรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ ส.อ.ท. เรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนข้อตกลงดังกล่าว          โดยให้เหตุผลว่าอัตราภาษี 0% อาจส่งผลกระทบต่อแผนส่งเสริมต่างชาติใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค เนื่องจากราคารถยนต์อีวีที่นำเข้าจากประเทศจีนตามข้อตกลงจะถูกกว่าการลงทุนผลิตในประเทศมาก  นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. ออกโรงแนะแนวทางว่า อยากให้ถอดรถยนต์ไฟฟ้าออกมาจากกรอบเอฟทีเอ แลกกับสินค้าประเภทอื่นแทน หรือไม่เช่นนั้นต้องหาแนวทางอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เช่น การออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ชั้นสูง เป็นต้น   ความห่วงใยของเอกชนในเรื่องนี้ไม่เพียงแค่ ส.อ.ท. เท่านั้น หากแต่บรรดาค่ายรถยนต์เองก็กังวลในระดับหนึ่ง

ที่มา : หนังสือพิมพ์  มติชนสุดสัปดาห์ วันที่ 27 ตุลาคม 2560

 
 

 

    "รถเมล์ไฟฟ้า" ที่ไม่ปล่อยไอเสียในระหว่างสัญจร ออกมาวิ่งทั่วเมืองมากยิ่งขึ้นเพื่อลดมลพิษในอากาศ  ในขณะนี้กรุงปักกิ่งของจีนนับว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุดในการใช้รถเมล์ไฟฟ้า โดยล่าสุดทางรัฐบาลท้องถิ่นได้เปิดตัวรถเมล์ไฟฟ้าพร้อมเครื่องฟอกอากาศอีก 10 คัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อใช้ลดปริมาณอากาศเสียบริเวณใจกลางเมืองโดยเฉพาะ โดยเครื่องฟอกอากาศบนรถจะช่วยเพิ่มคุณภาพอากาศได้ นอกจากนี้ ทางการยังเตรียมใช้งานรถเมล์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 4,500 คัน ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1,300 คัน ทั้งนี้ กรุงปักกิ่งเป็นเมืองที่มีปัญหามลพิษทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งสามารถเล็ดลอดเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้ อยู่ที่ 73 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรแล้วเมื่อปี 2016 สูงกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ที่ไม่เกิน 10 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ ทูเดย์วันที่ 26 ตุลาคม 2560