เริ่มจากการที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงตัวเลขจีดีพีประเทศไทยในปี 2567 อยู่ที่ 2.5% จากนั้นมีการนำตัวเลขจีดีพีไทยไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน ไทยอยู่อันดับที่ 2 จากท้าย มีแค่เมียนมาที่จีดีพีต่ำกว่าไทย
นายกฯแพทองธารกล่าวเรื่องนี้ว่า ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยเผชิญปัญหาความท้าทายต่าง ๆ มากมาย แต่ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทำให้เราได้เห็นสัญญาณอันดี จีดีพีของปี 2567 ขยายตัวขึ้น 2.5% เร่งจากการขยายตัวเดิมที่วางไว้คือ 2% ตั้งแต่ปี 2566 สำหรับในปี 2568 ตั้งเป้าหมายให้จีดีพีเติบโตขึ้นที่ 3% โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายของประชาชนที่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐก็มีส่วนในการช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนให้เร็วที่สุด เช่น การสร้างสะพาน การลงทุนก่อสร้างต่าง ๆ ก็ทำให้เกิดการจ้างงาน เงินในระบบก็จะเกิดการหมุนเวียนมากขึ้น เพราะฉะนั้น ต้องเร่งในเรื่องของการลงทุนของภาครัฐด้วย ดังนั้น รัฐบาลเตรียมแผนการลงทุนในอนาคต โดยวางแผนให้ไทยเป็น “ฮับ” แห่งภูมิภาคในอุตสาหกรรมเป้าหมาย อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เป็นฐานเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไปในอนาคต
ที่มา: https://www.prachachat.net/politics/news-1759041 วันที่ 9 มีนาคม 2568