ตามการประเมินขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ชี้ว่า หากความนิยมในรถยนต์อีวียังคงเพิ่มขึ้น จะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันของโลกหายไป วันละ 6 ล้านบาร์เรล ภายในปีค.ศ. 2030 โดยหากคำนวณจากแนวโน้มปัจจุบัน
รวมถึงนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ คาดว่ายอดขายรถยนต์อีวีจะมีสัดส่วน 50% ของยอดจำหน่ายทั่วโลก ภายในปีค.ศ. 2030 โดยที่ในปัจจุบัน จีนมีรถยนต์อีวีวิ่งบนท้องถนนคิดเป็น 50% ของทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว และในปีค.ศ. 2030 เฉพาะในจีนนั้น ยอดขายอีวีจะคิดเป็น 70% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กับการขยายโครงการพลังงานสะอาด ก็คือความต้องการใช้ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นไปด้วย รวมถึงความต้องการพลังงานที่ผลิตจากการเผาถ่านหิน IEA บอกด้วยว่า จากแนวโน้มเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ไฟฟ้าดังกล่าว ความต้องการเชื้อเพลิงจากฟอสซิล ทั้งน้ำมันและก๊าซจะหยุดการเติบโตภายในทศวรรษนี้ น้ำมันและก๊าซจะล้นตลาด ความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก เติบโตเป็นสองเท่าของความต้องการพลังงานรวมในช่วงทศวรรษที่แล้ว และในช่วง 10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6 เท่า โดยมีจีนขับเคลื่อน แต่บางอุตสาหกรรมพลังงาน ก็ไม่เชื่อว่าเชื้อเพลิงจากฟอสซิลจะถึงคราวสิ้นสุดลง ในเวลาอันใกล้อย่างที่ IEA ทำนายไว้
ที่มา: https://www.prachachat.net/world-news/news-1677008 วันที่ 4 พฤศจิกายน 2567