สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
Awesome Plans
Choose the Plan That Suits Your Needs
  • Silver
  • ฟรี
  • Globally incubate standards compliant channels
  • 5GB Storage
  • 10 Users
  • 20 Emails
  • Online Store
  • Custom Domain
  • Unlimited Departments
  • สมัครสมาชิก
  • Gold
  • 990 บาท/ปี
  • Globally incubate standards compliant channels
  • 5GB Storage
  • 10 Users
  • 20 Emails
  • Online Store
  • Custom Domain
  • Unlimited Departments
  • สมัครสมาชิก
  • Platinum
  • 1,490 บาท/ปี
  • Globally incubate standards compliant channels
  • 5GB Storage
  • 10 Users
  • 20 Emails
  • Online Store
  • Custom Domain
  • Unlimited Departments
  • สมัครสมาชิก

ความรู้ทั่วไป

 

ที่มา :  หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก  ฉบับวันที่ 14 มิ.ย. 52

 

 

แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 12 กันยายน 2552

เคล็ดไม่ลับจาก สยย.

10 วิธี ช่วยลดภาวะโลกร้อน

 

1. เปลี่ยนหลอดไฟ การเปลี่ยนหลอดจากหลอดไส้เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

 

2. ขับรถให้น้อยลง หากระยะทางใกล้ๆ สามารถใช้การเดิน หรือขี่จักรยานแทนได้ เพราะการขับรถยนต์ระยะทาง 1 ไมล์ จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 1 ปอนด์

 

3. รีไซเคิลให้มากขึ้น ลดขยะของบ้านคุณให้ได้ครึ่งหนึ่งจะช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 2,400 ปอนด์ ต่อปี

 

4. เช็คลมยาง การขับรถโดยมียางลมน้อย ทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นได้ถึง 3% จากปกติซึ่งน้ำมันทุกๆแกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 20 ปอนด์

 

5. ใช้น้ำร้อนให้น้อยลง การทำน้ำร้อนใช้พลังงานสูงมาก ดังนั้นการปรับเครื่องทำน้ำอุ่นให้มีอุณหภูมิ พอเหมาะ และลดแรงน้ำให้น้อยลง จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี หรือการซักผ้าในน้ำเย็น จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ปีละ 500 ปอนด์

 

6. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เยอะ เพียงแค่ลดขยะของคุณเอง 10 % จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 1200 ปอนด์ต่อปี

 

7. ปรับอุณหภูมิที่ 25 องศา ปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในอุณหภูมิที่ 25 องศา และในฤดูหนาวควรหันมาเปิดหน้าต่างแทนเครื่องปรับอากาศ

 

8. ปลูกต้นไม้ การปลูกต้นไม้ 1 ต้นจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน

 

9. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่ ปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ใช้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับพันปอนด์ต่อปี

 

10. บอกเพื่อนๆ ของคุณเกี่ยวกับวิธีเหล่านี้เพื่อช่วยกันค่ะ

 

ที่มา : www.vcharkarn.com

 

 

เคล็ดไม่ลับ จากสยย.

ลบคราบแป้งหลังสงกรานต์

 

หลังเทศกาลสงกรานต์  ท่านผู้อ่านหลายท่านคงประสบปัญหา "คราบน้ำแป้ง"  จากแป้งดินสอพอง ที่พร้อมจะกัดพื้นผิวสีรถ ทำให้เป็นคราบด่างบนตัวรถ เช่นเดียวกับคราบยางไม้ หรือมูลนก ถ้าเราไม่รีบทำความสะอาด ซึ่งทำลายสีรถได้เช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ เราควรเคลือบสีรถยนต์กันไว้ก่อนนะคะ

 

 เคล็ดไม่ลับดีๆ จาก สยย. ฉบับนี้ มาบอกต่อกันในการขจัดคราบแป้ง อย่างง่ายๆ เริ่มจาก การใช้น้ำจากผลมะนาว หรือมะกรูดบีบใส่ผ้าที่ชุ่มน้ำ แทนการใช้แชมพูเช็ดบริเวณที่มีคราบ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดก่อนแห้ง คราบจะหายเกลี้ยง สะอาดหมดจด สีรถจะใหม่เอี่ยมทันทีเลยค่ะ แต่ถ้ายังไม่เกลี้ยงสามารถเพิ่มปริมาณน้ำมะนาวได้อีกนะคะ  ที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่าสีรถจะเสียค่ะ เพราะน้ำมะนาวเป็นกรดธรรมชาติ และยังถูกเจือจางกับน้ำที่ผ้าอีกด้วยค่ะ

 

ที่มา :  www.thaitritonclub.com

 

 

       เคล็ดไม่ลับ จากสยย. มีวิธีขับรถยนต์ให้ปลอดภัย และสบายกระเป๋าในฤดูฝนมาฝากกันค่ะ

 

        - ตรวจเช็คเครื่องยนต์ให้พร้อมก่อนเดินทางเป็นประจำ ยิ่งช่วงหน้าฝนควรตรวจเช็คเป็นพิเศษ

 

        - ตรวจเช็คผ้าเบรก ควรสังเกตเสียงขณะเบรก หากเกิดอาการเบรกแล้วรถไม่หยุดในระยะปกติ ควรรีบเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ เพราะการที่ผ้าเบรกเสื่อม เสียดสีจานล้ออยู่เสมอ ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันประมาณวันละ 400 ซี.ซี.

 

         - ตรวจเช็คลมยาง และสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอ ถ้าลมยางอ่อน หรือแข็งกว่ามาตรฐาน จะทำให้การทรงตัวของรถในหน้าฝนลำบากกว่าปกติ เพราะถ้าหากความดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานทุก ๆ 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 2% นอกจากนี้สภาพยางที่สึกหรออาจทำให้รถเบรกไม่ค่อยอยู่ ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินได้

 

         - เลี่ยงการเดินทางช่วงฝนตก เพราะจะทำให้รถติดทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงฝนตก ลองเปลี่ยนมาใช้การติดต่อกันทางโทรศัพท์ หรือหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS หรือ รถไฟฟ้าให้ดิน ซึ่งเปลี่ยนการเดินทางจากรถยนต์มาใช้บริการขนส่งสาธารณะ เพราะหากรถติดแบบไม่ขยับรวมกันเป็นเวลา 30 นาที จะทำให้สูญเสียน้ำมัน 750 ซี.ซี.

 

         - ในช่วงฝนตก การเตรียมข้อมูลให้พร้อมสำหรับการเดินทางก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการสิ้น เปลืองน้ำมัน โดยเลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุดหรือใช้เวลาน้อยที่สุด และศึกษาเส้นทางลัดของเส้นทางที่จะไป 

 

         - ลดการใช้แอร์ในรถช่วงหน้าฝน แนะนำให้ทดลองปิดแอร์ แล้วสูดอากาศธรรมชาติ และหากปิดแอร์ก่อนถึงที่หมาย 2-3 นาที จะประหยัดน้ำมันได้ 30 ซี.ซี. แต่หากไม่ใช้แอร์ตลอดการเดินทาง 20-30 นาที จะประหยัดน้ำมันได้ 300 ซี.ซี.

 

         - ไม่ใช้ความเร็วสูง ในช่วงฝนตกการจราจรมักจะติดขัดอยู่เสมอ แต่ถ้าหากปริมาณรถบนท้องถนนไม่หนาแน่น ก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงจนเกินไป เพราะถนนจะลื่นกว่าปกติ อาจทำให้รถเสียหลักเกิดอุบัติเหตุได้ และที่สำคัญการขับขี่รถยนต์ในอัตราความเร็วที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดน้ำมันได้

 

       หากคุณปฏิบัติตามได้ทั้งหมด จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายน้ำมันต่อเดือนได้มากทีเดียว และที่สำคัญยังจะช่วยให้ตัวคุณถึงที่หมายอย่างปลอดภัยอีกด้วย

 

       ขอบคุณที่มา : www.ecareasy.com

 

เคล็ดไม่ลับ จากสยย.

 

อาการผิดปกติของรถมักจะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบล่วงหน้าเสมอ แต่ผู้ขับขี่จะทราบ หรือไม่ว่ารถกำลังสื่อสารกับท่านว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น จึงขอยกตัวอย่างบ้างส่วนที่เป็นสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับอาการจากพวงมาลัย มานำเสนอค่ะ

 

- พวงมาลัยสั่น มักเจอบ่อยที่สุด เกิดจากยางไม่กลม (ยางเก่า หรือมีสิ่งผิดปกติกับยาง) แต่ถ้าสั่นเฉพาะที่ความเร็วใดความเร็วหนึ่ง จะเกิดจากการถ่วงล้อ แต่ถ้าสั่นเพิ่มตามความเร็วของรถ จะเกิดจากลูกปืนล้อ บางทีโช๊คอัพเสีย หรือยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์ชำรุด ก็ทำให้พวงมาลัยสั่นได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการขันน๊อตล้อ หรือรูน๊อตล้อไม่ดี ทำให้ล้อไม่ได้ศูนย์ และบางทีก็เป็นที่ปัญหาจากตัวล้อเองที่บิดเบี้ยว

 

- พวงมาลัยหลวม มีช่วงฟรีมาก ทำให้ควบคุมทิศทางได้ยาก บางทีเกิดขึ้นจากตัวพวงมาลัยเอง บางครั้งอาจเกิดจากลูกหมากปลายแร็ค โดยจะมีเสียงดังตอนเลี้ยว

 

- พวงมาลัยมีเสียงดัง เสียงดังของพวงมาลัยจะฟ้องว่าเกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนบางอย่าง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้อาจมีผลต่อการควบคุมทิศทาง อย่างเช่น ลูกหมากปลายแร็ค ที่มีปัญหา หรือเกิดจากการสึกหรอของฟันแร็ค ความห่างของลูกปืนในกระปุกพวงมาลัยกับลูกปืนคอพวงมาลัย และที่มีปัญหามากคือ การหลวมคลอนของข้อต่อแกนพวงมาลัย

 

- พวงมาลัยหนัก เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น น้ำมันเพาเวอร์พวงมาลัยขาด สายพานหย่อน แต่ถ้าหนักเฉพาะตอนเลี้ยวข้างใดข้างหนึ่งมักจะเป็นที่วาวล์ รถรุ่นใหม่อาจเป็นเพราะปั๊มเพาเวอร์ไฟฟ้าบกพร่อง แรงดันลมยางโดยเฉพาะล้อหน้าอ่อนเกินไป หรือศูนย์ล้อหน้าอาจมีปัญหา

 

- พวงมาลัยไม่คืน ตัวการหลัก มักเกิดขึ้นจากศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง

 

ขอบคุณที่มา : หนังสือ “นักเลงรถ” ปีที่ 26  ฉบับที่ 305

เคล็ดไม่ลับ จากสยย.

วิธีขับรถเวลาน้ำท่วม 

-  ห้ามเปิดแอร์เด็ดขาด สาเหตุที่รถดับส่วนใหญ่เกิดจากการเปิดแอร์ แล้วขับลุยน้ำ เพราะเมื่อเปิดแอร์ พัดลมจะทำงาน ทำให้ใบพัดจะพัดให้น้ำกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับ

 

-  ควรใช้เกียร์ต่ำ สำหรับเกียร์ธรรมดา ควรใช้ประมาณเกียร์ 2 หรือสำหรับเกียร์ออโต้ สามารถใช้เกียร์ L ได้ รวมถึงการขับขี่ที่มีความเร็วต่ำที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และควรใช้ความเร็วสม่ำเสมอ อย่าหยุด หรือเร่งความเร็วขึ้น

 

-  ไม่ควรเร่งเครื่องให้รอบสูง เพราะจะทำให้รถมีความร้อนสูงขึ้น เมื่อเครื่องมีความร้อนสูงขึ้น ใบพัดระบายความร้อนก็จะทำงานหนัก ไม่ต้องกลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสีย เพราะต่อให้น้ำท่วมท่อไอเสีย แล้วสตาร์ทรถอยู่ที่รอบเดินเบา แรงดันที่ออกมาเพียงพอที่จะดันน้ำออกมาอย่างสบาย ๆ ต่อให้จอดรถทิ้งไว้จนน้ำท่วมท่อไอเสีย เมื่อสตาร์ทรถก็ยังติดแน่นอน สำหรับเครื่องหัวฉีด

 

- ควรลดความเร็วลง เมื่อขับรถสวนกับอีกคันที่กำลังแล่นมา เพราะจะกลายเป็นคลื่นชนคลื่น ซึ่งน้ำที่ปะทะระหว่างรถอาจทำให้กระเด็นไปทำอันตรายต่ออุปกรณ์ภายในได้ เช่นกัน

 

หลังจากลุยน้ำท่วมมานั่น สิ่งที่ควรทำ คือ พยายามย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำ เพราะในช่วงแรก ๆ หลังจากการลุยน้ำมา จะเบรกไม่อยู่ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก ลองนำวิธีที่แนะนำไปลองปฏิบัติดู นะคะรับรองว่าต้องช่วยผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนค่ะ

 

เคล็ดไม่ลับ จาก สยย.

ขับขี่ปลอดภัยช่วงหน้าร้อน

 

เมษายนเป็นช่วงของเดือนที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวันคาดว่า จะมีการเดินทางและใช้รถใช้ถนนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน เคล็ดไม่ลับจาก สยย. ฉบับนี้จึงขอนำวิธีขับรถอย่างปลอดภัยในช่วงกลางวันและกลางคืน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมาฝากท่านผู้อ่าน ดังนี้

 

การขับรถในช่วงกลางวัน

-  ขับรถช่วงแสงแดดแรงจัด ผู้ขับขี่ควรใช้ที่บังแดดปิดลงมาที่กระจกหน้ารถ สวมแว่นตากันแดดที่ได้มาตรฐาน หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน และเมื่อมีอาการง่วงนอน ควรหาที่จอดพักรถในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน จุดพักรถริมทาง ที่จัดไว้และผู้คนใช้บริการอยู่บ้างแล้ว เป็นต้น เพื่อพักล้างหน้าหรือเปลี่ยนอิริยาบถคลายอาการง่วงนอน ก่อนที่จะเดินทาง ต่อไป

 

-  ถนนมีฝุ่นละอองปกคลุม ผู้ขับขี่ควรหมั่นทำความสะอาดกระจกรถยนต์ โดยเฉพาะกระจกหน้าและกระจกหลังรถ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองเกาะกระจก ทำให้มองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน

 

การขับรถช่วงเวลากลางคืน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติ เพราะขีดจำกัดในการมองเห็นเส้นทางและสิ่งกีดขวาง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง รวมทั้งไฟสัญญาณให้พร้อมใช้งานทุกดวง อีกทั้งตั้งระดับไฟหน้ารถให้สามารถมองเห็นถนนได้ชัดเจนด้วยการเปิดไฟต่ำ เพราะหากเปิดไฟสูงจะทำให้รถที่สวนมามองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการศึกษาสภาพเส้นทาง ก่อนการเดินทาง หากพบว่าสภาพพื้นผิวถนน มีการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการซ่อมแซมให้หลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นที่ปลอดภัย หรือขับรถด้วยความเร็วที่สามารถจะหยุดรถได้ในขอบเขตที่สายตามองเห็น และสอดคล้องกับระยะทางที่ไฟหน้ารถส่องถึง

 

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะขับรถในช่วงกลางวันหรือกลางคืน ล้วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่จึงควรเตรียมความพร้อมทั้งด้านสภาพร่างกาย ตรวจสอบสภาพรถ และศึกษาเส้นทาง ตลอดจนเรียนรู้วิธีการขับรถอย่างปลอดภัย รวมถึงปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น เร็ว เมา ง่วง โทรไม่ขับ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ในระดับหนึ่ง ด้วยความห่วงใยจาก สยย. ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัยในทุกๆเส้นทางนะคะ

 

ขอบคุณที่มาจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (www.vcharkarn.com)

เคล็ดไม่ลับจาก สยย.

ป้องกันภัยเมื่อกระจกแตก

 

       ในกรณีที่คุณขับรถตามรถบรรทุกที่ไม่มีผ้าคลุมกระบะท้าย เศษหิน เศษดิน ทราย กรวด มันก็จะกระเด็นใส่หน้ารถของคุณ อาจส่งผลทำให้กระจกหน้ารถแตกได้ และถ้ากระจกรถแตกในขณะที่คุณขับขี่อยู่นั้น สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ ตั้งสติควบคุมรถให้ตรงเลน ลดความเร็วในการขับ เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย และขับเข้ข้างทางโดยดูกระจกมองข้างให้แน่ใจว่าทางซ้ายว่าง จึงนำรถเข้าจอดข้างทางโดยเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ให้ผู้ใช้ถนนคันอื่นมองเห็น เมื่อจอดรถแล้วให้สังเกตว่ากระจกแตกเฉพาะจุดแตก หรือลายละเอียดทั้งบาน ถ้าแตกละเอียดทั้งบานจนมองไม่เห็นทาง แสดงว่ากระจกเป็นกระจกชนิด "เท็มเปอร์"

 

       กระจก "เท็มเปอร์" Temper เมื่อเกิดแตกร้าวเนื้อกระจกจะแตกเป็นลักษณะเม็ดข้าวโพดลามทั่วบาน ทำให้มองไม่เห็นทาง ถ้าเป็นในเมืองก็เรียกยกเข้าศูนย์บริการ แต่ถ้านอกเมืองไม่สามารถข้อความช่วยเหลือจากใครได้ก็ต้องทำการเลาะเอากระจกที่แตกละเอียดออกโดยการใช้ผ้าหรือหนังสือพิมพ์รองไว้ที่หน้าคอนโซลแล้วใช้ไม้ดันให้กระจกหลุดลงมาที่ผ้าซึ่งรองไว้ แล้วค่อยๆขับไปหาศูนย์บริการหรือร้านเปลี่ยน ในระหว่างขับต้องระวังเศษกระจกที่จะปลิวเขาตาด้วย

 

       ส่วนแบบ "ลามิเนท" Laminated ที่แตกเฉพาะจุดและสามารถมองเห็นได้แม้จะมีรอยแตกตรงจุดๆนั้น เป็นกระจกป้องกันภัยที่พัฒนาขึ้นมาจากแบบเดิม ซึ่งรถยนต์ในปัจจุบันก็ใช้กระจกหน้าแบบนี้ โดยมีความพิเศษตรงที่เป็นกระจกสองชั้นวางซ้อนกัน ตรงกลางมีแผ่นฟิล์มบางทำหน้าที่ยึดเกาะกระจก ดังนั้นหากเกิดการแตกร้าวเนื้อกระจกจะแตกเฉพาะจุดไม่ลาม

 

      ขอบคุณที่มาจาก : http://auto.sanook.com/

Image 1
Image 2
Image 3
Image 4
Image 5
Image 6
Image 7
Image 8
Image 9
Image 10
Image 11
Image 12
No Credit Card Required and No Long-Term Contracts

About Xenon

Xenon is available for purchase or part of a club membership from RocketTheme, inclusive of the RocketLauncher, template and addons.

Subscribe Here

Subscribe to our newsletter and stay updated on the latest developments and special offers!

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th