โดยในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ส (กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.) รายงานว่า กลุ่มบริษัทยานยนต์รายใหญ่อย่าง GM Toyota Volkswagen และกลุ่มบริษัทที่ผลิตยานยนต์อื่น ๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแนวความคิดของไบเดน
นายกสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศฟิลิปปินส์ (Electric Vehicle Association of the Philippines: EVAP)
ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แบรนด์จีนมีโอกาสเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในปี ค.ศ. 2023 เนื่องจากผู้บริโภคต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและเลือกรุ่นรถยนต์ที่ถูกกว่า
BMW Daimler Ford Volkswagen และ Audi ร่วมมือพัฒนาระบบขับเคลื่อน
จากข้อมูลของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา (U.S. Environmental Protection Agency: EPA) Stellantis NV จัดเป็นลำดับสุดท้ายที่มีอัตราประหยัดเชื้อเพลิงต่ำที่สุดในบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ 14 ราย
ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติยุโรปและสหรัฐอเมริกาพยายามลดต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (รถอีวี) ให้ใกล้เคียงกับต้นทุนการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน เพื่อให้แข่งขันกับรถอีวีจีนที่มีต้นทุนต่ำได้ สเตลแลนทิสที่ยุโรปและเรโนลต์ กำลังพัฒนารถอีวีที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ
ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ของจีนยังไม่มีแผนที่จะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หรือ ยังไม่ได้ประกาศเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
โดยผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก อาทิ โตโยต้า จากัวร์ แลนด์โรเวอร์ และนิสสัน ต่างพยายามเรียกร้องให้ สหราชอาณาจักร ลดหรือชะลอกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไร้มลพิษ (ZEV) ที่จะทำให้เกิดข้อจำกัดทางด้านการขายหรือการเผชิญกับภาษีอากรอย่างหนัก
ในระยะกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จีนกลายเป็นผู้นำโลกในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีแรงหนุนจากผู้ผลิตรถยนต์อเมริกาและยุโรปที่ย้ายฐานมาผลิตชิ้นส่วนมากขึ้นในจีน