สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรม

          อุตสาหกรรมยานยนต์ 8 เดือนที่ผ่านมา (มกราคมสิงหาคม 2561)ในภาพรวมถือว่ายังเติบโตโดยเฉพาะยอดขายภายในประเทศที่ทำได้ 657,844 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 21.1 % เฉพาะเดือนสิงหาคม 2561 ทำยอดขายได้ 86,780 คัน เพิ่มขึ้น 27.7%    ยอดขายในประเทศที่เติบโตส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ประเมินว่ายอดขายรวมในปีนี้น่าจะทำได้ 9.8 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากที่ได้ตั้งไว้ในตอนต้นปีที่ 9 แสนคัน ขณะที่ยอดส่งออกนั้นยังคงที่ 1.1 ล้านคัน เมื่อรวมกันจะทำให้ปี 2561 มียอดผลิตรวม 2.08 ล้านคัน  สำหรับปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถยนต์ขายดิบขายดีนั้น เป็นผลมาจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น มีการลงทุนจากภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นทั้งจากนักลงทุนและผู้บริโภค ส่วนผลผลิตสินค้าทางการเกษตรก็เพิ่มขึ้น การก่อสร้างต่างๆขยายตัวต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ในประเทศ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของภาครัฐที่ช่วยให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย การส่งออกและการนำเข้ายังขยายตัว  ขณะที่การแข่งขันของค่ายรถยนต์ก็มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาแข่งขันกันหลายรุ่น โดยเฉพาะกลุ่มรถเอสยูวี 
ครอสโอเวอร์ ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ที่มา : หนังสือพิมพ์  ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 24 กันยายน 2561
 

 

           China plans to reduce the average tariff rate on imports from most of its trading partners as soon as October, Bloomberg reports.  In July, China cut import tariffs on almost 1,500 consumer products ranging from light vehicles, cosmetics to home appliances as part of efforts to open up its economy, the world's second biggest.  The move was in line with Beijing's pledge to its trading partners - including the United States - that it would take measures to further increase imports.  The Bloomberg report on Thursday did not specify the countries that could enjoy lower Chinese tariffs. At the World Economic Forum in the northern port city of Tianjin, Chinese Premier Li Keqiang said on Wednesday that the government will continue to lower import tariffs on some goods. He did not elaborate.  The promise to further lower import tariffs came as China and the United Stated remained locked in a bitter trade dispute that has roiled financial markets and cast uncertainty over global supply chains.
ที่มา : www.autonews.com วันที่ 24 กันยายน 2561

 

               ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนส.ค.61 เพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดี  นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมดเดือนส.ค.2561 มีทั้งสิ้น 181,237 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 2.15% จากการผลิตรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น 18.58% หรือผลิตได้ 41,663 คัน และรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศ เพิ่มขึ้น 1.69% หรือผลิตได้ 40,063 คัน ส่งผลให้ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 9.13% หรือผลิตได้ 84,689 คัน  ทั้งนี้ สอดล้องกับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนส.ค.2561 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน 27.7% หรือมียอดขายอยู่ที่ 86,780 คัน เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีขึ้น ด้วยการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกช ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ผลผลิตสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น การก่อสร้างของรัฐวิสาหกิจและเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง นักท่องเทียวยังคงเพิ่มขึ้น การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลที่ส่งเสริมการค้าส่งและค้าปลีกเติบโตขึ้น การส่งออกและนำเข้ายังขยายตัว รวมทั้งการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด   ขณะที่ การผลิตเพื่อส่งออกเดือนส.ค.61 ลดลงจากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน 3.27% หรือผลิตได้ 96,548 คัน สอดคล้องกับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปลดลง 0.38% หรือส่งออกได้ 102,513 คัน จากการส่งออกรถยนต์นั่งและรถ PPV ที่ลดลง โดยลดลงเกือบทุกตลาด ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดแอฟริกา และตลาดยุโรป มูลค่าการส่งออก 55,727.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8%
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ วันที่ 19 กันยายน 2561

 

             American carmakers are losing ground in a shrinking Chinese market, and their problems are mostly tied to a lack of competitiveness rather than the trade war, an industry trade group said.  The market share of U.S. brands fell to 10.7 percent in the first eight months of 2018 from 12.2 percent a year earlier, according to the China Association of Automobile Manufacturers. The drop was caused by companies including Ford Motor Co. not refreshing their lineups in a timely manner, Xu Haidong, the association's assistant secretary general, said Tuesday.  While a slowing economy is weighing on the Chinese car demand, Xu said that the trade war has had a limited impact on the market. There are no anti-American sentiments or boycotting of U.S. brands by China's car buyers, he said at a media conference in Beijing.
ที่มา : www.autonews.com วันที่ 18 กันยายน 2561

 

           สถาบันยานยนต์ คาด จะมีค่ายรถยนต์ 5 ราย ยื่นขอ บีโอไอ ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในสิ้นปีนี้ เผย ปี 2563 รถยนต์ไฟฟ้าจะโตก้าวกระโดด เตือนผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยเร่งปรับตัว แนะตั้งบอร์ดยานยนต์ แห่งอนาคต ดึงกระทรวงเกี่ยวข้องเป็นกรรมการจะผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าได้เร็วขึ้น     นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน ผู้ทำการแทน ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ค่ายรถยนต์ต่างๆก็ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุดมีค่ายรถยนต์เข้ามายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนผลิตรถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด แล้ว 5 ราย และในช่วงสิ้นปีนี้ จะสิ้นสุดมาตรการส่งเสริมการลงทุนพิเศษสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) คาดว่าจะมีค่ายรถยนต์สนใจเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนประมาณ 5 ราย แบ่งเป็นค่ายรถยนต์รายเดิม ที่มีฐานการผลิตในไทยมากกว่า 3 ราย และจะมีค่ายต่างประเทศหน้าใหม่มาขอรับการส่งเสริมฯประมาณ 1-2 ราย  "ขณะนี้แต่ละค่ายรถต่างเตรียมตัวตัดสินใจขั้นสุดท้าย คาดว่าจะเข้ามาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในช่วงท้ายๆของเดือนธ.ค.นี้ เหมือนกับในปีที่ผ่านมาที่ค่ายรถยนต์เข้ามาขอรับการส่งเสริมฯรถยนต์ไฮบริด ในช่วง 2-3 วันสุดท้าย เพราะแต่ละรายก็ต้องทำการบ้านศึกษารายละเอียดของการลงทุนทุกด้านอย่างรอบคอบ แล้วจึงค่อยมายื่นขอต่อ บีโอไอ"
ที่มา :หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 13 กันยายน 2561

 

          ยุโรปเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีพัฒนาการมายาวนาน แม้ว่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับรถยนต์ประเภทนี้จะยังครองแชมป์โดยจีน แค่ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศแถบยุโรปก็มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2561) สามารถทำยอดขายโตขึ้นกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และทำสถิติยอดขายทะลุ 1 ล้านคันได้ในที่สุด     ปัจจุบันจำนวนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของยุโรปเป็นรองก็แค่เพียงตลาดจีน (โดยมีสหรัฐอเมริกาตามมาเป็นอันดับ 3) เฉพาะในรอบ 6 เดือนที่กล่าวมา ยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของยุโรปมีการขยายตัว 42% คิดเป็นจำนวน 195,000 คัน รายงานการวิเคราะห์ตลาดของ EV-Volumes ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยอุตสาห กรรมยานยนต์ไฟฟ้า คาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2561 นี้ จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมที่วิ่งอยู่บนท้องถนนของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) รวมทั้งประเทศไอซ์แลนด์ ลิกซ์เต็นสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ น่าจะแตะระดับ 1.35 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงพอจะมีผลในการเข้าสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์ในอากาศ และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 6 กันยายน 2561
 

 

         China will strictly prevent "haphazard investment and redundant development" in the automobile industry, an official from the state planning agency said, apparently referring to proposed rules on automakers' investments in new factory capacity.  Nian Yong, head of the National Development and Reform Commission's Department of Industrial Coordination, said the agency will soon publish and implement a new set of investment rules.  Among other things, the new rules "will restrict industrial investment project management standards, strengthen regulation, prevent haphazard investment and redundant development," he said Saturday.  China is looking to fix seemingly perpetual excess capacity in the country's auto industry, which is showing signs of worsening.  Nian's remarks, which were made during a speech at an automotive industry conference in Tianjin, come as the industry has sought to dial down the proposed NDRC rules, which were published in July in draft form to seek public comment.
ที่มา : www.autonews.com วันที่ 5 กันยายน 2561

 

             นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา  ณ กรุงฮานอย กระทรวงพาณิชย์ได้ยกปัญหาเวียดนามใช้มาตรการควบคุมการนำเข้ารถยนต์ซึ่งส่งกระทบต่อการส่งออกและการค้าของไทยในตลาดเวียดนามอย่างมากเพราะมาตรการดังกล่าวกำหนดให้รถยนต์นำเข้าทุกล็อต ทุกแบบ ทุกรุ่น ทุกลำเรือ ต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของท่อไอเสียกับห้องแล็บของเวียดนามซึ่งปัจจุบันยังมีเพียงแห่งเดียว ไม่เพียงพอ ทำให้ต้องรอคิวตรวจและใช้เวลานาน จากที่เดิมไม่มีมาตรการนี้จะใช้เวลาผ่านด่านเพียง 1-3 วัน เมื่อเวียดนามออกมาตรการใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็น 30 วัน    ซึ่งไทยได้เสนอให้จัดทำความตกลงหรือความร่วมมือระหว่างกันเพื่อให้ เวียดนามยอมรับผลการตรวจสอบของไทย และไม่ต้องตรวจซ้ำที่เวียดนาม ซึ่งที่ประชุม JTC ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระดับเจ้าหน้าที่ให้ไปหารือในรายละเอียดต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 5 กันยายน 2561

 

           "สศอ." เร่งเดินหน้าแผน ปรับเปลี่ยน อีโคคาร์ ไปสู่อีโคอีวี คาดราคา ไม่เกิน 7 แสนบาทต่อคัน ด้านสรรพสามิต เตรียมชงอธิบดีคนใหม่เคาะลดภาษี รถยนต์ไฟฟ้าลงอีกครึ่งจูงใจลงทุน      นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าการปรับเปลี่ยนแปลงรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล(อีโคคาร์) ไปสู่อีโคคาร์ที่ใช้ พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ อีโคอีวี ว่า นโยบายนี้ จะมีความชัดเจนภายในปีนี้เพื่อจูงใจให้มีการลงทุนผลิตรถยนต์ที่มีองค์ประกอบยานยนต์ไฟฟ้าไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า 100%        "นโยบายนี้จะช่วยให้ประชาชนส่วนใหญ่ ของประเทศที่มีรายได้น้อยไปถึงปานกลาง ผู้เริ่มทำงาน สามารถซื้อรถยนต์ไฟฟ้า(อีโคอีวี) ได้ ประเมินว่าหากเป็นอีโคคาร์ไฮบริดราคา จะอยู่ระดับ 5-6 แสนบาทต่อคัน ส่วนรถอีโคอีวี ราคาไม่เกิน 7 แสนบาทต่อคัน"
ที่มา :  หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 3 กันยายน 2561
 

 

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th