สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก

เปิดปัจจัยสนับสนุน"อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย"ปี 2564-2566 นักวิเคราะห์มั่นใจมีแนวโน้มเติบโต 4 % แต่ให้จับตาปัจจัยเสี่ยง ปัญหาการเมืองสหรัฐ-จีน ,การขึ้นภาษีนำเข้าของฟิลิปปินส์, นโยบายรถยนต์ไฟฟ้า อาจส่งผลกระทบกับการส่งออก

วิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2564-2566 การผลิตรถยนต์ของไทยในระยะ 3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มขยายตัว 3.0-4.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ยอดขายในประเทศที่จะมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 3.0-4.0% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว โดยคาดว่าความต้องการรถเพื่อการพาณิชย์จะขยายตัวดีอานิสงส์จากการขยายตัวของภาคก่อสร้าง ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ และธุรกิจโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการมีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของยอดขายมีแนวโน้มจำกัด เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามทิศทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง และสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ขณะที่ตลาดส่งออกรถยนต์นั้น คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 4.0-5.0% โดยมีปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว อีกทั้งเขตการค้าเสรีอาเซียนช่วยหนุนการส่งออกในภูมิภาค ตลอดจนการจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ในภูมิภาคอาเซียนเกี่ยวกับผลตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์และชิ้นส่วนจะช่วยลดขั้นตอนการถูกตรวจสอบซ้ำ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามอง ประกอบไปด้วย ความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ (หนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญ) อาจขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จากไทยเพื่อตอบโต้ข้อพิพาททางการค้า (กรณีไทยกล่าวหาฟิลิปปินส์สำแดงราคาบุหรี่นำเข้าต่ำเกินจริง ซึ่ง WTO ตัดสินให้ไทยแพ้คดี) รวมทั้งรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทยซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน

ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/motor/463939 วันที่ 12 มกราคม 2564