คนที่อุปมา “เอนเอนร์ยี แอบโซลูด อีเอ” หรือ “บมจ. พลังงาน บริสุทธิ์ ว่าเป็น “เทสลาแห่งเมืองไทย” คือสำนักข่าวบลูมเลิร์กที่เผยแพร่เรื่องนี้เอาไว้เมื่อ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
ด้วยเหตุผลที่ว่า อีเอภายใต้การกุมบังเทียนของสมโภชน์ อาหุนัยดำเนินกิจการด้านพลังงานสะอาดแบบครบวงจร ทำนองเดียวกับที่อีลอน มัสก์ ขับเคลื่อนเทสลาในสหรัฐอเมริกาอยู่ในเวลานี้ ด้วยเป้าหมายทะเยอทะยานในทวงทำนองคล้ายคลึงกันด้วยอีกต่างหาก บลูมเบิร์กบอกว่า วิสัยทัศน์ต่อ อีเอในอนาคตของคุณสมโภชน์ คือการกลายเป็น “ยักษ์ใหญ่” ในแวดวงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีให้ได้ แม้ว่าในเวลานี้จะมีรถยนต์ชพลังงานไฟฟ้าในเมืองไทยอยู่เพียงไม่ถึง 1,500 คัน รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าและรถบัสใช้พลังงานไฟฟ้าแล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 0.004 เปอร์เซ็นของจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนทั้งหมดเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่นิยมรถยนต์นั่งที่ใช้ไฟฟ้า เหตุผลสำคัญเป็นเพราะราคารถที่ยังแพงลิ่ว และหันมาใช้รถจักรยานยนต์สองล้อกันเสียมาก แรนตี้ แทนทอง-ไนต์ ผู้เขียนบอกว่า รัฐบาลไทยกลับมองรถยนต์อีวีเป็นช่องทางเพื่อบรรเทามลภาวะทางอากาศของเมืองหลวงและปลุกอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เคยเป็นเครื่องจักรทำรายได้สำคัญให้กับประเทศราว 12 เปอร์เซ็นของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง การสนับสนุนทั้งทางการเงินและทางภาษีของรัฐบาล เป็นช่องทางที่อีเอใช้เป็ฯประโยชน์เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายผลักดันให้มีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนนให้ได้ 5,000 คันภายในปีหน้านี้ พร้อมสรรพทั้งระบบสนับสนุน ตั้งแต่สถานีชาร์จไฟฟ้ากว่า 700 จุด ทั้งยังเตรียมแผนก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมสำหรับใช้ในรถยนต์ขึ้นเองมูลค่า 3,000 ล้านดอลล่าร์อีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 มิถุนายน 2562