ช่วงเหตุการณ์ปล่อยเด็กไว้ในรถตามลำพังกำลังเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจกันมากในช่วงนี้ในหลายประเด็นทั้งประเด็นข้อเท็จจริง และประเด็นทางด้านอารมณ์ซึ่งจะไม่พูดถึงมากนักในเรื่องนั้น แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ข่าวคราวการปล่อยเด็กไว้ในรถเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีหลายครั้งที่เด็กซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จนต้องเสียชีวิต การปล่อยเด็กไว้ในรถมีทั้งการลืม และตั้งใจ การลืม เช่น เหตุการณ์รถตู้นักเรียน ลืมเด็กนักเรียน ซึ่งจริงๆแล้วผู้ให้บริการรถสาธารณะ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก คสรจะต้องใส่ใจในรายละเอียดมากกว่านี้และการตรวจเช็คเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรจะทำให้เป็นเรื่องปกติ อีกกรณีเป็นการตั้งใจปล่อยไว้ในรถ โดยผู้ปกครองอาจมีเหตุผลว่าลงไปแค่ทำธุระแค่ครู่เดียวเท่านั้น จึงติดเครื่องยนต์ทิ้งเอาไว้ ซึ่งถือวว่าเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร อาจจะไปโดนอุปกรณ์ต่างๆในรถที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น ปุ่มล็อคประตู หรือบางกรณีอาจจะโดนคันเกียร์จนเปลี่ยนตำแหน่งทำให้รถเคลื่อนที่ได้เช่นกัน ถือเป็นเรื่องอันตราย ซึ่งการที่เกียร์จะเปลี่ยนไปเป็นกียร์ขับเคลื่อน โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรก มักเกิดจากการใส่ตำแหน่งเกียร์ไว้ที่ N สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งเป็นแนวทางการปฎิบัติท่ไม่ถูกต้องเช่นกัน เพราะตามหลักความปลอดภัยที่ถูกต้องเมื่อผู้ขับไม่อยู่ในตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับ ควรจะต้องใส่เกียร์ P เท่านั้น เพราะถ้าใส่เกียร์ N เมื่อมีเด็กหรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่หลายคนชอบพาไปไหนมาไหนด้วย ไปโดนอาจจะมีโอกาสเปลี่ยนเป็น D ได้ หรือบางกรณีที่เคยเกิดเช่นกัน คือ ผู้ขับขี่ลงเดินออกจากรถโดยยังอยู่เกียร์ N แล้วรถไหลมาชน การใส่เกียร์ N โดยที่เครื่องยนต์ยังทำงานอยู่ หรือแม้แต่ดับแล้วแต่ยังไม่จอดในที่จอดที่เหมาะสม ต้องมีผู้ขับอยู่ในตำแหน่งเท่านั้น เพราะหากเกิดข้อผิดพลาดก็สามารถเหยียบเบรกได้ทัน ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง โดยหากทำธุระไม่นานอาจจะใช้วิธีแง้มกระจกออกเอาไว้ให้อากาศถ่ายเท แต่วิธีที่ดีที่สุดคือให้ทุกคนออกจากรถมาก่อน ส่วนในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แล้ว ก็ควรจะต้องตัดสินใจแก้ไขอย่างรวดเร็วที่สุด และคำนึงถึงความปลอดภัยของคนมากที่สุด อย่าคำนึงถึงความเสียหายของรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งของนอกกาย แต่วิธีที่ดีที่สุด คือ เรียนรู้การใช้งานที่ถูกต้อง เป็นการป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นตามมานั่นเอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 16 พฤษภาคม 2562