นายสุพจน์ สุขพิศาล เลขาธิการ Cluster of FTI Future Mobility-ONE และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วน และอะไหล่ยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า
ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยกำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากเผชิญภาวะซบเซาอย่างหนักในปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่หนักหนาสาหัสที่สุดสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบคือ ภายหลังวิกฤติโควิด-19 เกิดปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไฟแนนซ์ไม่อนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ โดยเฉพาะรถกระบะซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง นโยบายการขึ้นค่าแรงของไทยจาก 300 บาท เป็น 400 บาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึง 600 บาท ทำให้ผู้ประกอบการแบรนด์ญี่ปุ่นต้องพิจารณาอย่างหนักว่าจะย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่าหรือไม่ และเพื่อรับมือกับภาวะวิกฤติ บริษัทหลายแห่งใช้วิธีลดต้นทุนด้วยการไม่ต่อสัญญากับบริษัทซับคอนแทรกต์ และงดการทำงานล่วงเวลา (OT) อย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มเห็นสัญญาณบวกอย่างชัดเจน โดยยอดการผลิตกลับมาฟื้นตัวจาก 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ 1. ตลาดรถกระบะในประเทศกลับมาคึกคัก ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ใช้กลยุทธ์ออกรถรุ่นใหม่และลดราคาอย่างรุนแรง 2. ตลาดรถยนต์ไฮบริดเติบโตเกินคาด ทำให้ผู้ประกอบการในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มกลับมามีการทำงานล่วงเวลา (OT) และเรียกบริษัทซับคอนแทรกต์กลับมารับงานอีกครั้ง
ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1196326 วันที่ 12 กันยายน 2568