อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีมูลค่าถึง 5.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งจากนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ตลอดจนแนวโน้มเทคโนโลยีแต่จุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ การส่งเสริมการผลิตและใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเพื่อให้เกิดการจ้างงาน เกิดการถ่ายถอดเทคโนโลยีรวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรืออุตสาหกรรมสนับสนุน (Supporting Industry ) นี่คือภารกิจหลักที่กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาวอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยึดถือมาโดยตลอด เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเปิดรับทุกเทคโนโลยีจากทุกภูมิภาคเรายังต้องเรียนรู้เทคโนโลยีจากต่างประเทศที่หลากหลายเหล่านั้น รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมมีความเห็นตรงกันว่า ควรเปิดโอกาสให้มีการถ่ายถอดเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาในประเทศในรูปแบบอื่น เพื่อให้เกิดการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) เพื่อขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในประเทศไทยแม้ไม่มีรถยนต์แห่งชาติก็ตาม จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีแผนพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วย 5 อุตสาหกรรมเดิม ที่มีศักยภาพ (First S-Curve) และ 5 อุตสาหกรรมในอนาคต (New-S-Curve) และหนึ่งข้อสำคัญที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ก็คือ The Next Generation Automotive Industry หรืออุตสาหกรรมยานยนต์สมันใหม่ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัฃญในการพัฒนาต่อยอดไปเป็น New S-Curve หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรมนั้นเอง โดยภาพรวมขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยมีความพร้อมมาก และมองเห็นว่า EEC เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและมีความเหมาะสมหลายด้าน อาทิ เป็นที่ตั้งของผู้ผลิตชิ้นส่วนที่สำคัญอละอุตสาหกรรมสนับานุนต่างๆจำนวนมาก รวมถึงศักยภาพด้านโลจิสติกส์ เช่น ท่าเรือน้ำลึกที่สามารถขนส่งรถยนต์หรือชิ้นส่วนต่างๆในปริมาณมากได้ รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automatic and Tyre Testing Research and Innovation Center – ATTRIC ) ของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ณ บริเวณเขตสวนป่าลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบกลาง ให้บริการทดสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ และยางล้อตามาตรฐานสากล อีกทั้งช่วยสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ สมัยใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 22 มกราคม 2562