แม้ว่าศึกพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะยังคุกรุ่นและยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะจบลงแบบไหน แต่อย่างน้อยที่สุดก็พอจะมองเห็นเค้าลางได้ว่า น่าจะบรรเทาลงด้วยการประนีประนอมยอมเจรจากันได้ เมื่อจีนกำลังงัดกลยุทธ์ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนมาทั้งขู่ ทั้งปลอบสหรัฐ และหนึ่งในกลยุทธ์ไม้อ่อนที่จีนเป็นฝ่ายยอมโอนอ่อนให้ครั้งใหญ่ก็คือ "การเปิดตลาดรถยนต์จีน" ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังนับเป็นการผ่อนคลายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีของจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติของจีน (เอ็นดีอาร์ซี) ระบุว่า เตรียมจะประกาศยกเลิกข้อจำกัดการถือหุ้นของบริษัทรถยนต์ต่างชาติในบริษัทร่วมทุนกับจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยจะเปิดทางให้สามารถถือหุ้นกับบริษัทร่วมค้าในจีนได้มากกว่า 50% ท่ามกลางแรงกดดันของต่างชาติที่ต้องการเข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดในตลาดรถแดนมังกร ที่ผ่านมาจีนตั้งข้อจำกัดมาตั้งแต่ปี 1994 ให้บริษัทต่างชาติที่จะเข้ามาเจาะตลาดรถยนต์ในจีนที่มีกำลังซื้อมหาศาลนั้น จะต้องเข้ามาผ่านการตั้งบริษัทร่วมค้ากับจีน โดยสามารถถือหุ้นได้ไม่เกิน 50% เพื่อหวังซื้อเวลาให้บริษัทจีนได้รับการถ่ายโอนทางเทคโนโลยีและสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์เองได้ จนกระทั่งในปัจจุบัน บริษัทต่างชาติโดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรปเริ่มร้องเรียนหนักขึ้นว่า ถึงเวลาที่จีนต้องเปิดตลาดมากขึ้นได้แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลจะปลดเพดานจำกัดการถือหุ้นของบริษัทรถต่างชาติแบบทยอยต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม โดยคาดว่าอาจเริ่มต้นที่กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ก่อนเป็นอันดับแรก โดยอาจปลดล็อกการถือหุ้นได้เร็วที่สุดภายในปี 2018 นี้ ก่อนจะทยอยปลดล็อกสำหรับกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ อาทิ รถบรรทุก ภายในปี 2020 และรถส่วนบุคคล ภายในปี 2022