สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยเมื่อกลางเดือน พ.ค. ว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ประกอบกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ จะฉุดให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกชะลอตัวลง โดยน่าจะโตเพียง 650,000 บาร์เรลต่อวัน
ในช่วงที่เหลือของปี 2568 ตัวเลขดังกล่าวถือว่าชะลอตัวลงจากระดับ 990,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ IEA ประเมินไว้สำหรับการเติบโตของอุปสงค์ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) ซึ่งจากปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับลดลงซึ่งกระตุ้นการบริโภค IEA จึงปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของอุปทานน้ำมันโลกในปี 2568 ขึ้นอีกเกือบ 400,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยปัจจัยหลักมาจากการคาดการณ์ว่าซาอุดีอาระเบียจะเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่ง IEA ชี้ว่าเป็นปัจจัยผลักดันเกือบทั้งหมดของการปรับเพิ่มครั้งนี้ เนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่มีกำลังการผลิตสำรองส่วนเกินจำนวนมาก การเพิ่มขึ้นนี้จะช่วยชดเชยการผลิตน้ำมันจากหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ อย่างไรก็ตาม IEA ระบุเพิ่มเติมว่า อุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์อย่างมีนัยสำคัญ จะผลักดันให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังทั่วโลกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 720,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ สวนทางกับปีที่แล้วที่ปริมาณน้ำมันคงคลังลดลงเฉลี่ย 140,000 บาร์เรลต่อวัน
ที่มา: https://moneyandbanking.co.th/en/2025/172851/ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568