นายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยังคงไม่หยุดเขย่าเศรษฐกิจโลก ด้วยนโยบาย America First โดยล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็วสุดในวันที่ 2 เมษายนนี้
นอกจากนี้จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอื่น ๆ อย่างเภสัชภัณฑ์และเซมิคอนดักเตอร์ เพิ่มอีกในระดับเดียวกันหรือสูงกว่า เนื่องจากทรัมป์ต้องการให้บริษัทในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวย้ายมาตั้งฐานกิจการในสหรัฐ ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่ม และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลกระทบที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะได้รับจากมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น หากจะให้ประเมินในวันนี้อาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แม้ว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งมีสหรัฐ แคนาดา และเม็กซิโก เป็นตลาดส่งออก กลุ่มประเทศเดียวของกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีอัตราการเติบโตถึง 8.77% และสร้างรายได้จากการส่งออก คิดเป็น 9% ของมูลค่าส่งออกรถยนต์ทั้งปี 2567 ที่มีมูลค่า 952,550.17 ล้านบาท โดยเป็นการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป และชิ้นส่วนเพื่อไปประกอบ คิดเป็นยอดส่งออกรถยนต์ทั้งสิ้น 95,781 คัน เป็นรถยนต์นั่ง 60% รถปิกอัพ 39% และรถพีพีวี เพียง 1% เท่านั้น เมื่อดูรายละเอียดพบว่า รถยนต์นั่ง มีการเติบโต 12.44% ปิกอัพ 3.46% ส่วนรถพีพีวี ติดลบ 1.07% สำหรับอะไหล่ทดแทนได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะออร์เดอร์น่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มการส่งออกเครื่องยนต์ และเครื่องอเนกประสงค์ไปสหรัฐนั้น น่าจะได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะที่การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อไปประกอบรถยนต์ (ซีเคดี) ยังเม็กซิโก เพื่อส่งเข้าไปจำหน่ายต่อไปที่สหรัฐ น่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับประโยชน์ทางอ้อมที่ไทยจะได้รับ คือการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจีนอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาตั้งในประเทศไทย เพื่อให้ส่งออกไปยังสหรัฐได้
ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-1759531 วันที่ 6 มีนาคม 2568