โดยในวันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แหล่งข่าวสำนักวอชิงตันได้เปิดเผยว่าในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 สหรัฐฯ และอินโดนีเซียจะหารือการเป็นหุ้นส่วนด้านแหล่งแร่เพื่อกระตุ้นการขายของรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ใช้แบตเตอรี่นิกเกิล
ซึ่งการหารือครั้งนี้เป็นการเยือนของประธานาธิบดี Joko Widodo ที่ทำเนียบขาวประเทศสหรัฐฯ โดยแหล่งข่าวกล่าวว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และมาตรการต่างๆ ของประเทศอินโดนีเซีย และจะได้มีการวางแผนปรึกษากับทีมกฎหมายและกลุ่มแรงงานของประเทศสหรัฐฯ ก่อนจะมีการประกาศเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแร่นี้ ซึ่ง แหล่งข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของฝ่ายบริหาร ไบเดน รวมถึง Katherine Tai ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ มุ่งเน้นไปที่การหารือด้านสิ่งแวดล้อมในการผลิตแร่นิกเกิลที่จะต้องส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อินโดนีเซีย ในฐานะที่มีแหล่งแร่ธาตุนิกเกิลสำรองมากที่สุดในโลก ได้ขอหารือกับประเทศสหรัฐฯ เรื่องข้อตกลงเพื่อการส่งออกซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายลดอัตราเงินเฟ้อ (IRA) ของสหรัฐฯ โดยทางด้านข้อกำหนดด้านกฎหมายของประเทศสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อเดือนมีนาคม ที่กำหนดว่า ผู้ที่ผลิตธาตุสำคัญในแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้านั้น จะต้องอยู่ในอเมริกาเหนือ หรือ เป็นหุ้นส่วนการค้าเสรีที่จะได้รับการยกเว้นเครดิตภาษีในประเทศสหรัฐฯ แต่อินโดนีเซียนั้นไม่ได้จัดอยู่ในประเภทดังกล่าว ซึ่งฝ่ายบริหารของ ไบเดน กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการได้รับเครดิตภาษีของประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีการผลิตแร่ในประเทศแต่นำไปแปรรูปที่ประเทศจีน นอกจากนี้เหมืองนิกเกิลแห่งเดียวของสหรัฐฯ นั้นกำลังจะปิดตัวลงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าซึ่งทำให้เกิดความเสี่ยงท่ามกลางการตั้งเป้าหมายของสหรัฐฯ ที่จะเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่การเจรจาดังกล่าวนี้ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากแรงงานเหมืองในสหรัฐฯ จำนวนมากที่กดดันฝ่ายบริหารของ ไบเดน ว่าควรให้ความสำคัญกับการอนุมัติโครงการในประเทศมากกว่าการแสวงหาอุปทานจากต่างประเทศ
ที่มา: https://www.reuters.com/markets/commodities/us-indonesia-discuss-potential-deal-ev-minerals-sources-2023-11-12/ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566