สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) รายงานเมื่อกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ร่วงลงถึง 43.9% ในเดือนส.ค. นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยเยอรมนีและฝรั่งเศส
ซึ่งเป็นตลาดรถ EV ที่ใหญ่ที่สุดใน EU มียอดขายดิ่งลง 68.8% และ 33.1% ตามลำดับ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ของ 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ในยุโรป ได้แก่ Volkswagen Stellantis และRenault ต่างลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลดลง 14.8%, 29.5% และ 13.9% ตามลำดับ ส่วนยอดขายของ Tesla บริษัทผลิตรถ EV ชื่อดังจากสหรัฐฯ ลดลง 43.2% ขณะที่เอสเอไอซี มอเตอร์ (SAIC Motor) จากจีน มียอดขายลดลง 27.5% สำหรับรถยนต์ไฮบริดได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นในยุโรปช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าเป็นทางเลือกที่ราคาจับต้องได้มากกว่า เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียวหรือรถยนต์ไฟฟ้าล้วน เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดรถ EV รัฐบาลเยอรมนีจึงประกาศในเดือนก.ย.นี้ว่า จะลดหย่อนภาษีให้บริษัทที่ขายรถ EV สูงสุดถึง 40% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยกเลิกโครงการเงินอุดหนุนที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้งนี้ สหพันธ์ยุโรปเพื่อการคมนาคมและสิ่งแวดล้อม (T&E) ซึ่งรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดรถ EV แบบใช้แบตเตอรี่ในยุโรป คาดว่าจะอยู่ที่ 20-24% ภายในปี 2568 ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายที่ถูกลง
ที่มา: https://www.reuters.com/business/autos-transportation/eu-car-sales-3-year-low-august-ev-sales-down-439-acea-says-2024-09-19/ 14 ตุลาคม 2567