นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมด้านเศรษฐกิจ รวมถึงทิศทางภาคอุตสาหกรรมไทยในปี 2566 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต
ได้แก่ 1. กลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตตามตลาดโลก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วน, เครื่องปรับอากาศ, อาหารและเครื่องดื่ม และเม็ดพลาสติก 2. กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวตามเศรษฐกิจในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมการกลั่นนํ้ามัน โดยเฉพาะนํ้ามันเบนซินและดีเซลที่ขยายตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมยางรถยนต์ เภสัชภัณฑ์ และ 3.กลุ่มอุตสาหกรรมที่ขยายตัวตามการท่องเที่ยว เช่น อุตสาหกรรมกระเป๋าเดินทาง เครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น กลุ่มที่สอง อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มชะลอตัว ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า ผลกระทบจากต้นทุนด้านพลังงาน กระทบต่อต้นทุนการผลิตที่สูง อย่างไรก็ตาม ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ นักลงทุนต่างชาติได้กลับมาลงทุนไทยอีกครั้งหลังเปิดประเทศ เช่น บริษัท BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ตัดสินใจซื้อที่ดิน 600 ไร่จาก บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHA คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 2567 กำลังผลิตรถยนต์นั่งไฟฟ้า (EV) 1.5 แสนคันต่อปี เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนและยุโรป โดยมีกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อน ถึงแม้ว่าในปี 2566 จะเป็นปีแรกที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยสามารถกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงหรือสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 แต่ก็ยังมีสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องพึงระวังจากปัจจัยลบจากภายใน และปัจจัยลบภายนอก เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้
ที่มา : https://www.thansettakij.com/columnist/exclusive-area/559049 วันที่ 17 มีนาคม 2566