ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ได้อนุมัติงบประมาณกลางปี พ.ศ. 2565 ในส่วนเงินสำรองจ่าย 2,923.4 ล้านบาท
สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตามประกาศกรมสรรพสามิต ดังนี้ 1) รถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสาร ที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle: BEV) ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่น้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง เงินอุดหนุน 70,000 บาทต่อคัน สำหรับรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสาร ที่นั่งไม่เกิน 10 คน ความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน 2) รถกระบะประเภท BEV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ความจุแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไป ได้รับเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน 3) รถจักรยานยนต์ประเภท BEV ราคาไม่เกิน 150,000 บาท ได้รับเงินอุดหนุน 18,000 บาทต่อคัน จากข้อมูลกระทรวงการคลัง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จะมีผู้ได้สิทธิรับเงินอุดหนุนตามมาตรการฯ ซึ่งแบ่งเป็นรถยนต์ 18,100 คัน และรถจักรยานยนต์ 8,800 คัน โดยมีเงื่อนไขสำคัญ คือ จะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศเท่านั้น
ที่มา : https://www.prachachat.net/economy/news-1024505 วันที่ 24 สิงหาคม 2565