รถที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ หรือ Advanced Driver – Assistance Systems (ADAS)
จะได้รับการเสียอัตราภาษีที่ต่ำลงกว่าปกติ แต่หากมีการติดตั้งน้อยกว่าที่กำหนด ก็จะเสียภาษีอีกอัตราหนึ่ง ซึ่งเป็นภาษีที่สูงขึ้น จะเริ่มใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ไฮบริดก่อน ตั้งแต่ปี 2565 ดังนี้
รถยนต์ไฟฟ้า : ต้องติดตั้งระบบเอดาส 1 ใน 6 ระบบ ยกเว้นยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ต้องมีอย่างน้อย 4 จาก 6 ระบบ หากทำได้ตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนด ในปี 2565-2569 จะเสียภาษีเพียง 2% แต่ถ้าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์จะเสียภาษีปี 2565 มากถึง 8% และเพิ่มเป็น 10% ในปี 2569
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด : แบบวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าเกิน 80 กม. และมีถังน้ำมันต่ำกว่า 45 ลิตร หากทำได้ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานปลอดภัยจะเสียภาษีปี 2569-2573 ในอัตรา 5% แต่ถ้าทำไม่ได้เสียภาษี 15-20% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แบบวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าต่ำกว่า 80 กม. และมีถังน้ำมันใหญ่กว่า 45 ลิตร หากทำได้ตามหลักเกณฑ์มาตรฐานปลอดภัยจะเสียภาษีปี 2569-2573 ในอัตรา 10% แต่ถ้าทำไม่ได้เสียภาษีเพิ่มเป็น 15-20%
รถยนต์ใช้น้ำมัน : ต้องมีอุปกรณ์มาตรฐานความปลอดภัย 2 ใน 6 ระบบ จะเริ่มตั้งแต่ปี 2569 ยกตัวอย่าง รถที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร หากทำได้ตามเกณฑ์กำหนด จะเสียภาษีปี 2569 ที่ 29% ปี 2571 เสีย 31% และปี 2573 เสีย 33% แต่ถ้าทำระบบความปลอดภัยไม่ได้ตามกำหนดจะเสียเพิ่มเป็นปีละ 35-40%
ที่มา : https://www.prachachat.net/finance/news-878927 วันที่ 7 มีนาคม 2565