สมัครสมาชิกวันนี้

  • Silver
  • สมาชิกระดับ Silver
  • ฟรี
  • สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขั้นพื้นฐานได้
  • ข้อมูลผู้ประกอบการต่างประเทศ
  • ข้อมูลสถิติในประเทศและต่างประเทศ
  • มาตรการทางการค้าระหว่างประเทศ
  • กฎ ระเบียบ นโยบายในประเทศ
  • เทคโนโลยี และงานวิจัย
  • สมัครสมาชิก
ข่าวสารยานยนต์
อ่านข่าวสารล่าสุด

ค้นหาข้อมูล

ข่าวต่างประเทศ

               เตรียมทะยานขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ นายสัณหาวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอณืเปอร์เรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ “กลุ่มเอ็มจีซี – เอเชีย” หนึ่งในกลุ่มทุนยานยนต์ลายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่าในปีนี้กลุ่มเอ็มจีซี-เอเชียเดินหน้าเพิ่มศักยภาพด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ดิจิทัล 5.0 และขยายเครือข่ายด้านการบริการ โดยยึดหลักการ “ลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญ” ตามเป้าหมายวิสัยทัศน์ปี 2020 (พ.ศ. 2563) หรือ VISION 2020 เพื่อมุ่งสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ พร้อมบริการครบวงจรในประเทศไทยและอาเซียน “โดยในช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา หลายธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบจาก Digital Disruption (สภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เดิกจาดเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่) ทางกลุ่มเอ็มจีซี-เอเชียตระหนัดและมองว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่องค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยเดินหน้าเตรียมความพร้อมให้กลับทุกหน่วยธุรกิขในเครือเพื่อก้าวสู่ยุคดิจิทัล 5.0 อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการนำระบบมารเก็ตติ้งออโตเมชั่น มาใช้ฐานลูกค้าของเรากว่า 500,000 ราย รวมถึงลูกค้าผู้มุ่งหวังกว่า 700,000 ราย เพื่อวเคราะห์และยกระดับการสื่อสาร พร้อมสร้างประสบการณ์กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อสร้างบริการแบบใหม่ที่ง่ายและสะดวก

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562

                  ฮอนด้าปิดโรงงานในเมืองสวินดอน ปรปะเทศอังกฤษตามแผนการปรับโครงสร้างทั่วโลกส่งผลให้มีการลดจำนวนพนักงาน 3,500 คน ขณะซีอีโอยืนยันไม่เกี่ยวกับกรณีเบร็กซิท นายทากาฮิโร ฮาชิโกะ ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ ยืนยันเมื่อวานนี้ ( 19 ก.พ. ) ว่า บริษัทจะปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองสวินดอนในสหราชอาณาจักรในปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้มีการปลดพนักงาน 3,500 ตำแหน่ง นายทากาฮิโระ ระบุว่า การตัดสินใจปิดโรงงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับโครงสร้างทั่วโลก และระบุด้วยว่า ฮอนด้าจะยังคงมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราขอาณาจักรต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงของนายทากาฮิโร สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่อีกคนของฮอนด้า ที่เปิดผยกับสำนักข่าวบีบีซี เรดิโอในวันเดียวกันว่า การปิดโรงงานไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท)  ด้านเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลอังกฤษแสดงความผิดหวังเกี่ยวกับการตัดสินใจของฮอนด้าที่จะปิดโรงงานเพียงแห่งเดียวในสหราขอาณาจักร ขณะที่ผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไลบ์นิช และมหาวิทยาลัย มาร์ติน ลูเธอร์ ฮอล วิทเทนเบิร์ก ระบุว่า การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) โดยไม่มีการทำข้อตกลงจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานจำนวนมากกว่า 100,000 ตำแหน่งในเยอรมนี

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562

             หลังหายใจหายคอโล่งไปได้พักใหญ่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกก็กลับเข้าสู่ความหวาดหวั่นอีกครั้ง จากรายงานข่าวว่า กระทรวงพานิชย์สหรัฐได้ส่งมอบรายงานผลการศึกษาเรื่องภาษีรถยนต์ ให้ประธานอธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อพิจารณาว่าจะขึ้นภาษีรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์นำเข้าจากต่างชาติหรือไม่ การศึกษาดังกล่าวดำเนินการตามมาตรา 232 เพื่อสืบหาว่ารถยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากต่างชาติเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐหรือไม่ คล้ายคลึงกับกรณีการสอบสวนการเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้าจากต่างชาติก่อนหน้านี้ ทรัมป์มีเวลาอีก 90 วัน ในการตัดสินใจว่า จะประกาศขึ้นภาษีดังกล่าวตามรายงานของกระทรวงพานิชย์หรือทรัมป์จะประกาศตั้งภาษีรถยนต์นำเข้าที่อัตรา 20-25% หลังข่มขู่จะเก็บภาษีดังกล่าวมาโดยตลอดและล่าสุดทรัมป์ยังเปิดเผยว่า การตั้งภาษีช่วยปกป้องภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และทำให้สหรัฐได้เปรียบในการทำข้อตกลงการค้ากับชาติอื่นๆ ความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐจะประกาศตั้งภาษีนำเข้ารภต่างชาติ จึงเป็นฝันร้ายที่หากเกิดขึ้นจริง จะยิ่งซ้ำให้ภาคยานยนต์โลกบอบช้ำยิ่งขึ้นไปอีก หลังสหรัฐเก็บภาษีเหล็กและอะลูมอเนียมนำเข้าจากต่างชาติไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้ค่ายรถต้องแบกต้นทุนการผลิตเพิ่ม โดยชาติที่ได้รับกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเยอรมนี และญี่ปุ่น ขณะที่สหรัฐเองก็มีแนวโน้มเจ็บหนักไม่แพ้กัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562

                  หนุนลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้าเหลือแค่ 2%  กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอมาตรการภาษีลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้คลัง ก่อนเสนอ ครม. พร้อมทั้งลดภาษีรถไฟฟ้าหรืออีวีเหลือ 2% ขณะที่จัดเก็บรายได้เดือน มกราคม กว่า 5.4 หมื่นล้านบาท เกินเป้า กลุ่มสุรา ยาสูบ เบียร์ เครื่องดื่ม และรถยนต์ขายดี นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพาสามิต เปิดเผยว่าอำ 1-2 สัปดาห์ จะเสนอมาตรการทางภาษีสรรพสามิต เพื่อลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป โดยเองต้นหากผู้ประกอบการรถยนต์รายใดติดตั้งอุปกรณ์ที่ลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กจากโรงงานผลิตให้ได้เท่ากับมาตรฐานยูโร 5 ที่ปล่อ่ยค่าฝุ่นละออง 0.005 มิลลิกรัม จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ลดลง ซึ่งไม่เป็ฯทางการบังคับให้ทุกรายต้องติดตั้งเครื่องดังกล่าว นอกจากนี้ ยังประสานกระทรวงอุตสาหกรรมสนับสนุนดีเซลลดค่าฝุ่นละอองให้ได้เทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 เร็วขึ้น จากกำหนดการเดิมบังคับให้รถยนต์ที่จะผลิตออกมาใหมในอีก 3 ปีข้างหน้า ต้องเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 ทั้งนี้กรมสรรพสามิตจะดำเนินตามนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ด้วยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าเหลือ 2% และยกเว้นภาษ๊นำเข้ากรณีบริษัทผู้ผลิตเข้ารับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จากปัจจุบันจัดเก็บอัตรา 8% โดยกรมฯ จะขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการทที่ได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าว หากพบว่าไม่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ตามกำหนดกับบีโอไอ กรมฯ จะเรียกคืนภาษีจากบริษัทที่เคยได้รับส่วนลดไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด เพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัทเร่งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ตามเป้า ขณะที่การจัดเก็บรายได้เดือนมกราคม 2562 เป็นเดือนแรกที่กรมฯ จัดเก็บภาษีได้ 54,056 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 78 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.15% จากสินตชค้าในกลุ่มสุรา ยาสูบ เบียร์ เครื่องดื่ม และรถยนต์ขายดี สำหรับเดือนมกราคมที่ผ่านมายอดจัดเก็บภาษีกลุ่มรถยนต์เพิ่มขึ้น 14% สุราเพิ่มขึ้น 3% เบียร์เพิ่มขึ้น 9% ยาสูบเพิ่มขึ้น 18% ทั้งนี้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงประชาชนเชื่อมั่นเศรษฐกิจมากขึ้น คาดว่ายอดการจัดเก็บภาษีกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ เนื่องจากใกล้วันเลือกตั้งยิ่งกระตุ้นในเกิดการซื้อสินค้ากลุ่มนี้ไปบริโภคมากขึ้น ส่วนสินค้าที่จัดเก็บภาษีลดลง คือ น้ำมันติดลบร้อยละ 2 เป็นผลมาจากราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน ส่วนผลการจัดเก็บรายได้สะสม 4 เดือนแรกปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. 2561 – ม.ค. 2562 ) เก็บได้ 185,400 ล้านบาท ยังต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 5% หรือต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เพราะยอดจัดเก็บ 3 เดือนแรกต่ำกว่าเป้า แต่มั่นใจว่าขะสามารถจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายของกระทรวงการคลังที่ 584,000 ล้ายบาทแน่นอน แต่กรมสรรพสามิตจะมุ่งจัดเก็บรายได้ตามเป้าของกรมฯ ที่ 622,000 ล้านบาท

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562

                 นายณัฐพล  รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าบริษัทรถยนต์ 9 ราย ได้แก่ โตโยต้า , บีเอ็มดับเบิ้ลยู , จีเอ็ม , อิซูซุ , มาสด้า , เมอร์เซเดส-เบนซ์ , มิตซูบิชิ , เอ็มจี , ซูซิกิ ตอบรับกำหนดเวลาบังคับใช้มาตรฐานมลพิษระดับยูโร 5 ในรถยนต์ใหม่ทุกรุ่น ภายในปี 2564 เพื่อจะช่วยลดปัญหามลพิษฝุ่นว่า ในวันประชุมหารือมีค่ายรถยนต์เข้าร่วมทั้งหมด12 ค่าย ตอบรับ 9 ค่าย มี 3 ค่ายไม่ปฎิเสธ แต่ขอไปหารือกับบริษัทแม่ ศึกษาเทคโนโลยีก่อน คือ ฮอนด้า ฟอร์ด และนิสสัน ดังนั้น สศอ. จะติดตามว่าทั้ง 3 ค่ายจะตอบรับเร็วๆนี้หรือไม่ หากตอบรับก็สามารถเข้าร่วมแถลงความร่วมมือกับอีก 9 ค่ายได้เลย หลังจากที่อุตสาหกรรม และ 9 ค่ายรถยนต์น่าจะมีการแถลงข่าวถึงความร่วมมือดังกล่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้งภายในเดือน กุมภาพันธ์นี้ นายณัฐพลกล่าวว่า หลังจากนี้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะเร่งกำหนดมาตรฐานบังคับเครื่องยนต์ยูโร 5 ทั้งเบนซินและดีเซล คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี รองรับค่ายรถที่ผลิตรถยนต์ใหม่มาตรฐานยูโร 5 อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเรื่องนี้ไทยมีความล่าช้าทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะเดิมไทยกำหนดกรอบเวลา ใช้มาตรฐานยูโร 5 ทั้งรถยนต์และน้ำมันตามหลังสหภาพยุโรป (ยูอี) 2 ปี ซึ่งที่ผ่านมาอียูเริ่มยูโร 5 ตั้งแต่ปี 2562 และไทยควรเริ่มปี 2554 แต่ไทยกลับเริ่มยูโร 4 เมื่อปี 2555 เป็นคามล่าช้าที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันแก้ไข

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชน (ตจว.) ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562

                กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอรปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย เป็นกลุ่มธุรกิจของคนไทย ที่มีความหลากหลาย ทั้งการเป็นผู้นำเข้ารถยนต์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ตลาดมือสอง รถเช่า ศูนย์บริการรถยนต์ ประกันภัย ไอที ฝึกอบรม รวมไปถึงธุรกิจเรือยอชต์ ซึ่งที่ผ่านมา เอ็มจีซี-เอเชีย ขยายงานมาโดยตลอด และต้นปีนี้ก็จะขยับตัวอีกครั้งด้วยการประกาศว่าจะขับเคลื่อนเข้าสู่ยุค “ดิจิทัล 5.0” ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ พร้อมบริการครบวงจร สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบอกว่าปี 2561 ที่ผ่านมากลุ่มมีรายได้รวม 2.5 หมื่นล้านบาทเติบโตกว่า 15% โดยกลุ่มธุรกิจรถใหม่เติบโต 20% กลุ่มธุรกิจการบริการหลังการขาย เติบโต 9% รถเช่าเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาและธุรกิจประกันภัยโตกว่า 30%  ส่วนการกำหนดวิสัยทัศน์ ดิจิทัล 5.0 เพราะเห็นว่าในช่วงกว่า 5 ปีที่ผ่านมาหลายธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลง จากผลกระทบของดิจิทัล ดิสรัปชั่น และกลุ่มมองว่านี้เป็นโอกาสครั้งสำคัญที่องค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562

                นายกฯ ยกระดับแก้ฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ จี้ทุกส่วนร่วมแก้ปัญหา กำชับงดเผาในที่โล่ง “บิ๊กป้อม” สั่งเฝ้าระวังต่อเนื่องจนกว่าจะปกติ สศอ. หารือ 9 ค่ายรถยนต์ ขานรับ เร่งยกระดับมาตรฐานยูโร 5 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันภายในปี 2564 ลดการปล่อยฝุ่นพิษ 80%  การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (12 ก.พ.) ได้ยกระดับการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน โดยกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ หลังจากการประขุม ครม. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เห็นแผนการแก้ปัญหาในระยะสั่น – ยาว  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐบาล  กล่าวหลังการประชุม ครม. ว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ ดีขึ้น แต่การแก้ไขปัญหาต้องทำต่อไปซึ่งมติ ครม. ให้การกำจัดฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งมีหลายหน่วยงาน เกี่ยวข้องเพื่อให้จัดการปัญหา ฝุ่นละอองย่างยั่งยืน

ที่มา : หนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562

                 ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นไปอีกระดับ หลังค่ายรถรายใหญ่เกือบทุกรายที่มีการผลิตรถยนต์ในประเทศได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าจาก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นที่เรียบร้อยก่อนครบกำหนดไปปเมื่อสิ้นปี 2561 และในปีนี้เราจะได้เห็นถึงทิศทางการลงทุนที่สำคัญและจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน คือ กิจกรรมการผลิตแบตเตอรี่ โดยเฉพาะ เพื่อรองรับติ่ความต้องการใช้ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยศูนย์ข้อมูลจากกสิกรไทยพบว่า อุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นตามการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ระยะเริ่มต้น ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น จากแนวโน้มการขอรับการส่งเสริมการลงทุนของค่ายรถยนต์จะเห็นได้ว่า ทิศทางการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในยุคไทยมุ่งเน้นไปยัง 2 กลุ่ม ได้แก่ รถยนต์ไฮบริด (Hybrid electric vehicle : HEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in hybrid electric vehicle : RHEV ) โดยบางส่วนได้เริ่มมีการลงทุนประกอบรถยนต์ไปบ้างแล้วตั้งแต่ปี 2561 ขณะที่การลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery electric vehicle :BEV ) ในไทยค่ายรถต่างมองว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาอีกระยะ เมื่อโครงข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้ามีความพร้อมมากขึ้น แต่ก็น่าจะไม่นานเกินไปกว่าปี 2564 ตามเงื่อนไขบีโอไอที่กำหนดให้ต้องมีการผลิตรถยนต์ขึ้นจริงในประเทศภายใน 3 ปี หลังจากได้รับอนุมัติส่งเสริม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562

              นายสเตฟาน ดอร์สกี กรรมการผู้จัดการบริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด แดเผยว่า สแกนเนียพร้อมสนับสนุนให้ไทย ดำเนินการเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือก เพื่อช่วยลดการปล่อยมลพิษโดยที่ผ่านมาสแกนเนียได้ลงทุนพัฒนาโซลูชั่นรองรับการใช้พลังงานเลือกและเชื่อเพลิงทดแทน เน ไบโอดีเซลและก๊าซชีวภาพ ขณะที่รถบรรทุกสแกนเนียสามารถปรับใช้ไบโอดีเซลได้ 100% และเป็นที่หน้ายินดีว่าความต้องการใช้น้ำมันดีเซล B20 ในไทยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มั่นใจว่าสแกนกเนียสามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษได้ สำหรับในปี 2561 สแกนเนียมียอดขายรถบรรทุกและรถหัวลาก 506 คัน ส่วนปี 2562 ตั้งเป้ายอดขาย 700 คันขึ้นไป โดยวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 จะเปิดตัวรถบรรทุกทุกรุ่นใหม่ที่สุดดิโอปาร์ค จังหวัด สมุทรปราการ

ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า ฉบับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562

ศูนย์สารสนเทศยานยนต์

ติดต่อ ศูนย์สารสนเทศยานยนต์ สถาบันยานยนต์

อาคารสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (สพข.) ซ.ตรีมิตร กล้วยน้ำไท ถ.พระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์: 0-2712-2414 ต่อ 6443
email : aiu@thaiauto.or.th